PACO ฟอร์มดีปี 65 รายได้โต 26% กำไรสุทธิ 82.5 ล้าน ตั้งเป้าปี 66 เพิ่ม 20-30%

เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์ หรือ PACO เผยปี 2565 ทำรายได้รวม 912.48 ล้านบาท กำไรสุทธิ โตสวย 82.50 ล้านบาท เล็งเพิ่มกำลังการผลิตอีก 20% รองรับความต้องการจากลูกค้าทุกกลุ่ม คาดผลงานปี 2566 นี้ เติบโตต่อเนื่อง 20-30%

นายสมชาย เลิศขจรกิตติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์ PACO เปิดเผยว่า ผลประกอบการประจำปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้รวม 912.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% จากรายได้รวม 697 ล้านบาท ในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 82.50 ล้านบาท ลดลงจากกำไรสุทธิ 108 ล้านบาทในปีก่อนเนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรง ราคาอลูมิเนียมปรับตัวขึ้นอย่างสูงและรวดเร็ว ก่อนที่ราคาจะลดลงอย่างต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง รายได้ของ PACO เติบโตดีขึ้นทั้งตามอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยที่กลับมาขยายตัวอีกครั้ง และสภาวะการส่งออกอะไหล่แอร์รถยนต์ที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งบริษัทฯ มีการควบคุมค่าใช้จ่ายและลดต้นทุนการผลิตได้ดี อีกทั้งสามารถขึ้นราคาสินค้าในช่วงกลางปีที่ผ่านมาเพื่อสะท้อนต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และคาดว่าในปีนี้อัตรากำไรจะเพิ่มสูงขึ้น

บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายธุรกิจทั้งในต่างประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมียอดคำสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้า เป็นจำนวนมาก มีมูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท ส่งผลให้มียอดผลิตยาวต่อเนื่องไปจนถึงช่วงกลางปี 2566 อีกทั้ง บริษัทฯ เตรียมที่จะเพิ่มกำลังผลิตอีกประมาณ 20% เพื่อรองรับออเดอร์จากลูกค้าทุกกลุ่ม ซึ่งกำลังผลิตที่เพิ่มขึ้นจะทำให้รายได้ในการผลิตสินค้า Aftermarket มากขึ้นอีก10% ในขณะที่แนวโน้มการเติบโตของ งานรับจ้างผลิตชิ้นส่วนแอร์รถยนต์ (OEM) และงานรับจ้างผลิตเพื่อนําไปรองรับการซ่อมหรือเปลี่ยนอะไหล่รถยนต์ตามศูนย์บริการรถยนต์ (OES) ปี 2566 คาดจะเติบโตขึ้นเป็นเท่าตัว คิดเป็นสัดส่วน 20% จากปัจจุบันอยู่ที่ 10% เนื่องจากบริษัทฯเริ่มผลิตชิ้นส่วนแบบ Mass Production ให้กับผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และ Plug-in Hybrid ในต้นปีนี้ และจะรับรู้รายได้ส่วนนี้เต็มปีเป็นปีแรก

สำหรับรายได้ปี 2566 นี้คาดว่าจะเติบโตตามเป้าประมาณ 20-30% ตามที่ตั้งไว้ บริษัทฯ เตรียมขยายตลาดส่งออก ซึ่งปีนี้คาดว่าจะเติบโตได้ดี เนื่องจากธุรกิจ REM หรือ อะไหล่ทดแทน จะได้ประโยชน์จากสภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทำให้ลูกค้าชะลอการซื้อรถใหม่ อีกทั้ง ปัญหาเรื่องการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ได้คลี่คลายลงอย่างมาก ทำให้บริษัทฯ สามารถส่งออกเพิ่มขึ้นได้ โดยบริษัทฯ มุ่งเน้น ตลาดตะวันออกกลาง สหรัฐอเมริกา ส่วนในประเทศ PACO จะขยายเครือข่ายร้านอะไหล่แอร์รถยนต์ครบวงจร ภายใต้แบรนด์ PACO Auto Hub (พาโก้ ออโต้ ฮับ) เพื่อสร้างแบรนด์ PACO ให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ในประเทศ เพื่อเพิ่มยอดขายในประเทศและเสริมความแข็งแกร่งด้านช่องทางการจำหน่ายสินค้า และสร้างความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ แบรนด์ของคนไทย โดยเราตั้งเป้าหมายที่ จะมีร้าน PACO Auto Hub จำนวน 300 สาขาภายในปีนี้ จากปัจจุบันได้เปิดไปแล้วกว่า 250 สาขา ทั่วประเทศ โดยภายในร้านจะจำหน่ายผลิตภัณฑ์ คอยล์ร้อนและคอยล์เย็นแบรนด์ PACO เป็นหลัก และมีสินค้าอื่นๆ อาทิเช่น ท่อน้ำยาแอร์ น้ำยาแอร์ เพื่อเป็นการให้บริการลูกค้าแบบครบวงจรในที่เดียว (One-Stop Solution) บริษัทวางเป้าหมายการจำหน่ายสินค้าผ่าน PACO Auto Hub ในแง่ของการเข้ามาช่วยสนับสนุนรายได้จากตลาดในประเทศที่มีสัดส่วน 55% ของรายได้รวมในปี 65 ที่จะผลักดันให้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% โดยจะขยายสาขาอย่างต่อเนื่องให้ครบ 500 สาขาในอนาคต”

ขณะที่แนวโน้มของตลาดรถยนต์ EV กำลังอยู่ในกระแสความนิยมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางสถานการณ์ราคาน้ำมันแพง ประกอบกับนโยบายการส่งเสริมอุตสาหกรรมผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ของรัฐบาล ที่ต้องการให้ประเทศไทยเป็น 1 ในศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV Hub) ของเอเชีย ทำให้ผู้ผลิตรถ EV รายใหญ่จากทั่วโลกหลายรายพุ่งเป้าเข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย ซึ่งนับว่าเป็นโอกาสทางธุรกิจที่ PACO จะเข้าไปมีส่วนร่วมเต็มรูปแบบสำหรับอุตสาหกรรมรถ EV เนื่องจาก PACO เป็นผู้รับจ้างผลิตชิ้นส่วนแอร์รถยนต์ (OEM Manufacturer) ที่มีความพร้อมด้านเทคโนโลยี และมีประสบการณ์ในการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า คือ Battery cooler และ ชิ้นส่วนแอร์รถยนต์สำหรับรถไฟฟ้า (EV) แบบ BEV (Battery EV) และ PHEV (Plug-in Hybrid) ในรูปแบบอะไหล่ทดแทน (REM) เพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกไปต่างประเทศ


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment