UBA เคาะราคาไอพีโอ 1.70 บาท/หุ้น เข้าเทรด mai 7 ธ.ค. 65 นี้

บมจ.ยูทิลิตี้ บิสิเนส อัลลายแอนซ์ (UBA) เคาะราคาขายไอพีโอ 1.70 บาท/หุ้น โดยเปิดจองซื้อหุ้นตามสัดส่วนการถือหุ้นใน UBA (Pre-emptive Rights) ระหว่างวันที่ 23 – 25 พ.ย. 65 และ สำหรับประชาชนทั่วไปในวันที่ 28 – 30 พ.ย 65 คาดเข้าเทรดในตลาด mai วันที่ 7 ธ.ค.65

นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท ยูทิลิตี้ บิสิเนส อั ลลายแอนซ์ จำกัด (มหาชน ) หรือ UBA เปิดเผยว่า บริษัทฯได้กำหนดราคาขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 170 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาท/หุ้น ในราคาหุ้นละ 1.70 บาท ซึ่งถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ โดยจะเปิดให้จองซื้อหุ้น สำหรับผู้ถือหุ้นเดิมของ UBA ตามสัดส่วนการถือหุ้นใน UBA (Pre-emptive Rights) ระหว่างวันที่ 23 – 25 พฤศจิกายน 2565 และประชาชนทั่วไป วันที่ 28 – 30 พฤศจิกายน 2565 นี้ และคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) หมวดธุรกิจบริการ ในวันที่ 7 ธันวาคม 2565 นี้ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า “ UBA ”

สำหรับการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ มีจำนวน 170,000,000 หุ้น คิดเป็น 28.33% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ในครั้งนี้ โดยแบ่งการเสนอขายออกเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย 1.เสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) (NWR) ตามสัดส่วนการถือหุ้น UBA (Pre-emptive Right) จำนวนไม่เกิน 15,300,000 หุ้น 2.บริษัท สยามอีสต์ โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) (SE) จำนวนไม่เกิน 10,200,000 หุ้น และ 3.เสนอขายต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 144,500,000 หุ้น โดยผ่านผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย 5 แห่ง ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด , บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) , บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

“การกำหนดราคาไอพีโอที่หุ้นละ 1.70 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น(P/E) ประมาณ 15.7 เท่า ซึ่งเป็นระดับราคาที่เหมาะสม สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ ในฐานะผู้นำธุรกิจด้านการให้บริการจัดการน้ำ เดินระบบ และบำรุงรักษาแบบครบวงจร โดยเป็นหุ้นสาธารณูปโภคที่อยู่ในอุตสาหกรรมเมกะเทรนด์และกำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน รวมถึงมีงานโครงการที่เป็น Backlog ยังไม่ได้ส่งมอบมูลค่ากว่า 1,422 ล้านบาท รวมถึงการขยายงานในอนาคตจากกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นลูกค้ารายหลัก ประกอบกับข้อบังคับทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการบําบัดนํ้าเสียที่เข้มงวดมากขึ้น ทำให้มีโอกาสขยายงานเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันมีผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์ที่โดดเด่น อีกทั้งมีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมมายาวนาน 21 ปี” นายเอกจักร กล่าว


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment