LPH กำไร 9 เดือนกว่า 282 ล้าน จ่ายปันผลระหว่างกาล 0.05 บาท/หุ้น

LPH เผย Q3/65 มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่ 61.28 ล้าน มีรายได้รวมอยู่ที่ 562.37 ล้า ส่งผลในงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ บุ๊คกำไร 282.96 % ส่งซิก Q4/65 ผลงานสดใส รับอานิสงส์เข้าไฮซีซั่น บอร์ดเคาะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลครั้งที่ 2 หุ้นละ 0.05 บาท ขึ้น XD วันที่ 23 พ.ย.นี้ กำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 9 ธ.ค. 2565

ดร.อังกูร ฉันทนาวานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลลาดพร้าว จำกัด (มหาชน) หรือ LPH เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวมในไตรมาส 3/2565 จำนวน 562.37 ล้านบาท โดยมีรายได้จากกิจการโรงพยาบาล 488.58 ล้านบาท ส่งผลให้งวด 9 เดือนแรกปีนี้ มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,870.08 ล้านบาท เป็นรายได้จากการรักษาพยาบาล 1,652.84 ล้านบาท ลดลง 5.36% จากไตรมาสก่อน (QoQ) และ 2.47% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยมีสาเหตุหลักจากสถานการณ์วิกฤติโรคระบาดโควิด-19 ในประเทศไทยคลี่คลายเป็นไปในทางที่ดีขึ้น ปริมาณผู้ป่วยจากการติดเชื้อลดลง และกรมการแพทย์ประกาศให้การระบาดของโรคโควิด-19 เข้าสู่ระยะโรคประจำถิ่นในเดือน ก.ค.2565 โดยกลุ่มผู้ป่วยทั่วไปกลับมารักษาพยาบาลตามปกติเพิ่มมากขึ้น

โดยในงวดไตรมาส 3 ปี 2565 มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่จำนวน 61.28 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 78.76% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 288.54 ล้านบาท ส่งผลงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทฯ มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่ 282.96 ล้านบาท ลดลง 31.60% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไร 413.67 ล้านบาท ทั้งนี้จากผลการดำเนินงานรวมงวด 9 เดือน ในธุรกิจการรักษาพยาบาล และธุรกิจบริการ มีอัตราการทำกำไรขั้นต้นรวม 31.72% การดำเนินงานมีอัตรากำไร 17.81% ส่งผลให้บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีอัตรากำไรสุทธิ 15.13% สำหรับส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท

อย่างไรก็ดี ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลครั้งที่ 2 ให้แก่ผู้ถือหุ้น เป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.05 บาท กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 23 พฤศจิกายน 2565 และกำหนดการจ่ายเงินปันผลในวันที่ 9 ธันวาคม 2565 เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ให้การสนับสนุนบริษัทด้วยดีเสมอมา

ดร.อังกูร กล่าวเพิ่มเติมว่าสำหรับแนวโน้มธุรกิจในช่วงไตรมาส 4 ปี 2565 คาดว่ารายได้จากค่ารักษาและบริการต่างๆ (ไม่รวม โควิด-19) จะกลับมาเติบโตในระดับปกติหลังโควิดคลี่คลาย อย่างไรก็ดี ปกติช่วงไตรมาส 4 จะเป็นช่วงที่เข้าสู่สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งถือเป็นไฮซีซั่นของอุตสาหกรรมและของบริษัท ผู้ป่วยเข้ามาใช้บริการเพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งบริษัทมีแนวทางทำตลาดผู้ป่วยชาวต่างประเทศเพิ่มเติม โดยเฉพาะในส่วนของตะวันออกกลางและกัมพูชา ซึ่งหากเป็นไปตามที่วางไว้คาดจะมีรายได้ จากฐานผู้ป่วยส่วนนี้มากกว่า 100 ล้านบาท ในปีนี้ อย่างไรก็ดี ในปี 2565 บริษัท ตั้งเป้ารายได้เติบโตราว 25% เมื่อเทียบกับปีก่อน ผลมาจากธุรกิจมีแนวทางทำตลาดลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ เพิ่มเติม ตลอดจนมีการขยายฐานการให้บริการรักษาในส่วนต่างๆ อย่างต่อเนื่องด้วย

ทั้งนี้การลงทุนในปี 2565 การก่อสร้างอาคารจอดรถอัตโนมัติขนาด 250 คัน ล่าช้ากว่ากำหนดเนื่องจากผู้รับเหมาก่อสร้างขาดแคลนแรงงานและเป็นช่วงฤดูฝน คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือนพฤศจิกายน 2565 นี้ หลังจากนั้นจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลจักษุอินเตอร์ฯ ลาดพร้าว และโรงพยาบาลศัลยกรรมเฉพาะทางลาดพร้าว คาดว่าจะเริ่มได้ภายในเดือนมกราคม 2566 คาดว่าแล้วเสร็จกลางปี 2567 เปิดให้บริการต้นปี 2568

ด้านประกันสังคม ขณะนี้โรงพยาบาลฯ ได้รับโควตาจำนวน 200,000 คน โดยมีผู้ประกันตนจำนวน 170,000 คน คาดว่าปลายปีนี้จะมีผู้ประกันตนเพิ่มขึ้นเต็มจำนวนโควตา ทางโรงพยาบาลได้เช่าพื้นที่ตรงข้ามโรงพยาบาล ปากซอยลาดพร้าว 120 ติดทางขึ้นลงรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีมหาดไทย เปิดศูนย์การแพทย์ประกันสังคมโรงพยาบาลลาดพร้าว ขนาดพื้นที่ใช้สอย ประมาณ 3,000 ตารางเมตร รองรับผู้ป่วยนอกได้วันละ 1,000-1,500 คน คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในไตรมาสที่ 1/2566 นี้


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment