{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
สีเดลต้า หรือ DPAINT เผยครึ่งปีหลังสดใส ลุยพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยใช้นวัตกรรมใหม่ๆ เจาะกลุ่มตลาดเคมีก่อสร้าง พร้อมขยายฐานธุรกิจออกสู่ต่างประเทศเน้น CLMV เพิ่มศักยภาพการเป็นผู้นำในตลาดสีระดับพรีเมียม
นายรณฤทธิ์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สีเดลต้า จำกัด (มหาชน) หรือ “DPAINT” เปิดเผยข้อมูลบริษัทในงานบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน (Opportunity Day) ว่า ทิศทางธุรกิจในครึ่งปีหลัง บริษัทวางเเผนที่จะขยายส่วนเเบ่งการตลาด ในตลาดสีระดับกลาง ซึ่งเป็นกลุ่มขนาดใหญ่ โดยใช้กลยุทธ์การสร้างเเบรนด์ และเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการผู้บริโภคได้สูง นอกจากนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าส่งออกสีทาอาคารใน CLMV ซึ่งเป็นตลาดใหญ่มูลค่ากว่า 17,000 ล้านบาท โดยมุ่งเน้นนวัตกรรม “VAKUUM Technology” จากประเทศเยอรมนี และรุกตลาด Blue Ocean มากยิ่งขึ้น พร้อมสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีความโดดเด่นด้านนวัตกรรม มั้งสีทาอาคารและ กลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ กลุ่มเคมีก่อสร้าง รวมถึงขยายกลุ่มเซ็กเม้นท์พรีเมียม เพื่อสนับสนุนอัตรากำไรให้อยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ของ DPAINT มีสัดส่วนสีคุณภาพพิเศษ 40% สีคุณภาพสูง 30% และสีคุณภาพคุ้มค่า 30% ของรายได้รวมจากการขายและบริการ โดยจำหน่ายผ่านช่องทางการจำหน่ายรวมกันมากกว่า 1,500 สาขา เกือบทั่วประเทศ ได้แก่ ร้านโมเดิร์นเทรด (Modern Trade) ร้านค้าปลีก (Retail) และงานโครงการ (Project) รวมทั้ง การบริการเครื่องผสมสีที่นำไปติดตั้งให้ลูกค้าที่เป็นร้านค้าใช้งาน ซึ่งในปัจจุบัน บริษัทฯ มีเครื่องผสมสีทั้งหมด 505 เครื่อง โดยตั้งเป้าจะเพิ่มจำนวนขึ้นเป็น 600 เครื่อง ภายในสิ้นปี 2565 นี้ เพื่อเป็นการขยายช่องทางในการจัดจำหน่ายที่ตอบสนองความต้องการผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น และจัดจำหน่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นายอรรถพล ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน DPAINT กล่าวว่า ในส่วนผลประกอบการไตรมาส 2/2565 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 12.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15 % จากไตรมาส1 ปีนี้ที่มีกำไรสุทธิ 10.9 ล้านบาท ในขณะที่งบครึ่งปีแรก บริษัทมีกำไรสุทธิ 23.4 ล้านบาท โดยผลประกอบการในไตรมาส 2 แสดงให้เห็นว่า บริษัทฯ สามารถทำให้กำไรสุทธิกลับมาเติบโตได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากเราเป็นบริษัทที่กำลังเติบโต มีความคล่องตัวในการบริหารสูง สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ลดค่าใช้จ่ายวัตถุดิบและค่าใช้จ่ายการบริหารได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงมี ทำให้บริษัทสามารถแก้ปัญหาต้นทุนวัตถุดิบด้านโภคภัณฑ์ พุ่งแรงในจากไตรมาส1 โดยบริษัทฯ ได้มีการปรับขึ้นราคาสินค้าในอัตรา 6%-12% เพื่อรักษาอัตรากำไรและสะท้อนต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต รวมถึงลดต้นทุนวัตถุดิบ และลดค่าใช้จ่ายในการบริหารและการขายอีกด้วย ทำให้บริษัทฯ สามารถลดต้นทุนการผลิตลงได้ประมาณ 3% -5% จึงมั่นใจว่าอัตรากำไรของบริษัทฯ จะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง สามารถสร้างรายได้ให้เติบโตในอัตราที่น่าพอใจ และคาดว่าในปีนี้ เราสามารถสร้างรายได้ให้เติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ และรักษาความเป็นผู้นำในตลาดสีระดับพรีเมียม คุณภาพสูง ซึ่งเป็นตลาดที่มีอัตรากำไรที่ดีไว้ได้อย่างมั่นคง
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS