OSP โชว์ไตรมาส 2 ทำยอดขาย 7,184 ล้านบาท จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตรา 0.45 บาทต่อหุ้น

โอสถสภา (OSP) เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2565 ทำรายได้จากการขาย 7,184 ล้านบาท เติบโต 3.9% จากปีก่อน เดินหน้าผลักดันการเติบโตต่อเนื่องในครึ่งปีหลังด้วยแผนออกสินค้าใหม่ รองรับการฟื้นตัวของตลาด พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตรา 0.45 บาทต่อหุ้น

นางวรรณิภา ภักดีบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/2565 บริษัทฯ ยังทำรายได้เติบโตต่อเนื่อง มีรายได้จากการขาย 7,184 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.9% และมีกำไรสุทธิ 604 ล้านบาท ย่อตัวจากแรงกดดันจากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นและค่าใช้จ่ายกิจกรรมทางการตลาดเพื่อสนับสนุนการเปิดตัวสินค้าใหม่ บริษัทฯ ครองความเป็นผู้นำตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มบำรุงกำลังและกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มฟังก์ชันนอลดริงก์ โดยแบรนด์ ‘ซีวิท’ ทำสถิติยอดขายสูงสุดต่อเนื่อง ด้วยส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 40.1% ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ ส่วนบุคคลในประเทศภายใต้แบรนด์ เบบี้มายด์ ทเวลฟ์ พลัส และ เอ็กซิท กลับมาสร้างผลงานโดดเด่นในไตรมาสนี้ เติบโต 23.5% และพร้อมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ขยายฐานผู้บริโภครองรับการฟื้นตัว หลังผู้บริโภคกลับมาใช้ชีวิตปกติและจับจ่ายซื้อของมากขึ้น

ทั้งนี้สินค้าใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลจะทยอยออกสู่ตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง เป็นการขยายตลาดเข้าสู่กลุ่มผู้บริโภคใหม่ๆ ซึ่งจะช่วยผลักดันการเติบโตของกลุ่มผลิตภัณฑ์ รองรับบรรยากาศการจับจ่ายที่เพิ่มมากขึ้นหลังจากโมเดิร์นเทรดฟื้นตัว อาทิ การต่อยอดแบรนด์เบบี้มายด์สู่ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ใหญ่ ภายใต้แบรนด์อัลตร้ามายด์ บาย เบบี้มายด์ ตอบรับเสียงเรียกร้องของผู้บริโภคที่ชื่นชอบในความอ่อนโยนของผลิตภัณฑ์ มีส่วนประกอบหลักจากพืชธรรมชาติ เอสเซ้นส์ออร์แกนิคคาโมมายล์ และกลิ่นหอมละมุนที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ให้ความรู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง โดยพัฒนาสูตรให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้ใหญ่โดยเฉพาะ มีผลิตภัณฑ์ให้เลือกหลากหลาย ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่ม ครีมอาบน้ำ ผลิตภัณฑ์ล้างจาน นอกจากนี้ แบรนด์ทเวลฟ์ พลัส ผลิตภัณฑ์ความงามสำหรับผู้หญิงยังได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมันเมล็ดกัญชงในรูปแบบโรลออนและน้ำหอม และต่อยอดความสำเร็จของผลิตภัณฑ์น้ำหอมทเวลฟ์ พลัส กลิ่นลอนดอนแพร์ นวัตกรรมที่มอบความหอมแบบเคาน์เตอร์แบรนด์ในราคาที่จับต้องได้สู่รูปแบบโรลออน

นอกจากนี้ จากผลประกอบการดังกล่าว ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2565 มีมติเสนอจ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2565 ในอัตรา 0.45 บาทต่อหุ้น เป็นจำนวนเงิน 1,352 ล้านบาท เพื่อสร้างความเชื่อมั่นที่ดีแก่นักลงทุน โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผลในวันที่ 25 สิงหาคม 2565 และจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 9 กันยายนนี้


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment