{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
เอ็นไอเอดึงผู้ว่า” ชัชชาติ” ร่วมงาน SITE 2022 บิ๊กอีเว้นท์นวัตกรรรมเมตาเวิร์ส เชื่อมโอกาสเปิดเมืองไทยสู่โลก สานต่อ 4 ย่านนวัตกรรมในกรุงเทพฯ ผู้ว่าฯ กทม. ขานรับชี้ 3 โจทย์นวัตกรรมที่ช่วยเปลี่ยนแปลงเมืองได้จริง
ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA เปิดเผยว่า NIA ได้จัดงาน STARTUP X INNOVATION THAILAND EXPO หรือ SITE 2022 ที่ชูประเด็นหลักคือ “เมืองนวัตกรรม” (Innovation City) ภายใต้แนวคิด “Reconnecting the World เชื่อมเรา เชื่อมโลก กลับมาเจอกัน” ในรูปแบบไฮบริดที่ผสมผสานระหว่างโลกเสมือนจริงในเมตาเวิร์สกับโลกทางกายภาพ เพื่อแสดงให้ทั่วโลกเห็นว่าประเทศไทยมีเมืองนวัตกรรมที่มีจุดเด่นและเอกลักษณ์เฉพาะตัวในการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ และพร้อมจะเชื่อมต่อกับเมืองนวัตกรรมจากทั่วโลกเพื่อสร้างพันธมิตรทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง และร่วมฟื้นฟูให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับสากล
นอกจากนี้ ยังเป็นอีกหนึ่งความตั้งใจที่ต้องการสร้างเวทีแสดงศักยภาพของ “นวัตกรรมไทย” และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความท้าทายให้กับคนไทยและสามารถนำไปต่อยอดหรือขยายผลในหลากหลายมิติ ทั้งนี้ ยังตอกย้ำถึงความสำคัญของ “การฑูตนวัตกรรม” ที่เป็นกรอบแนวทางการส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ที่สร้างให้เกิดสตาร์ทอัพ และผู้ประกอบการนวัตกรรม และบริษัทขนาดใหญ่ ในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางธุรกิจและนวัตกรรมระหว่างประเทศในอาเซียนและพันธมิตรนานาชาติ เพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระดับสากล รวมทั้งประเทศสมาชิกความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิก หรือ เอเปค ซึ่งปีนี้ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพอีกด้วย”
ด้านรองศาสตราจารย์ ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ความท้าทายของ NIA กับการทำให้กรุงเทพมหานครเป็น “มหานครแห่งนวัตกรรม” คือการบริหารจัดการให้ปัญหาด้านความเหลื่อมล้ำได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม โดยไม่ตั้งขอบเขตคำจำกัดความของนวัตกรรมให้เป็นแค่เรื่องของเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว
ทั้งนี้ กทม. มีแนวนโยบายในการดำเนินงานที่สามารถทำงานร่วมกันกับ NIA ได้ 3 ประการ คือ 1) guiding policies เมืองจะต้องไม่สร้างภาระให้กับคนรุ่นใหม่ เช่น เรื่องการกำจัดขยะโดยการฝังกลบที่ถือเป็นการจัดการปัญหาขยะที่เป็นภาระในอนาคต และต้องเอาปัญหาจริงมาสร้างนวัตกรรมให้ตอบโจทย์ปัญหาได้ 2) Inclusive นวัตกรรมต้องไม่ถูกสร้างขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคนบางกลุ่ม ต้องจัดการทุกปัญหาได้อย่างเท่าเทียม และ 3) Fair & Empathy เมืองต้องมีความยุติธรรมและความเข้าใจ ไม่ต่างกับการสร้างนวัตกกรมที่ต้องมีความยุติธรรม เช่น พื้นที่กรุงเทพมหานครมีปัญหาประชาชนสร้างที่อยู่อาศัยรุกล้ำพื้นที่คลองจำนวนมาก การจะสั่งให้ออกจากพื้นที่ทันทีไม่ใช่แนวทางแก้ไขปัญหา โซลูชั่นที่จะเข้ามาช่วยให้เข้าใจชีวิตและสร้างความยุติธรรมให้เกิดขึ้นกับคนกลุ่มนี้ รัฐบาลต้องแก้ปัญหาโดยการสร้างบ้านมั่นคงเข้ามารองรับการย้ายที่อยู่อาศัยของคนกลุ่มนี้
อย่างไรก็ตาม อีกสิ่งสำคัญก็คือการสร้างภาพจำให้คนเข้าใจถึงคำว่านวัตกรรมที่ชัดเจนยิ่งขึ้น จากเดิมคนมักจะตีขอบเขตอยู่แค่เทคโนโลยี ความไฮเทค สตาร์ทอัพ ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป นวัตกรรมง่าย ๆ อย่างการใช้ไอเดียก็เป็นคำตอบสำหรับการเพิ่มมูลค่า หรือสร้างคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในสังคมได้ อีกทั้งยังช่วยปรับกระบวนการทางความคิดให้ดีขึ้น และเปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการสร้างนวัตกรรมได้อีกด้วย
“ในอดีตการรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน จะอยู่ในรูปแบบเอกสารหรือจดหมายผ่านกระบวนการสั่งงานตามลำดับขั้นของตำแหน่งทำให้การแก้ไขปัญหาใช้เวลาเป็นเดือน แต่พอเปลี่ยน กทม. ให้เป็นแพลตฟอร์ม “Traffy fondue” คือนวัตกรรมเมืองที่ไม่น่าเชื่อ โดยประชาชนสามารถร้องเรียนปัญหาเข้าไปได้ในแพลตฟอร์ม เขตสามารถรับเรื่องและแก้ปัญหาได้ทันที วันแรกที่เข้ามารับตำแหน่งผู้ว่ามีคนแจ้งเหตุมากว่า 20,000 เรื่อง ซึ่งปัจจุบันได้รับการร้องเรียนทั้งหมดกว่า 40,000 เรื่อง ได้รับการแก้ไขไปแล้วกว่า 5,000 เรื่อง โดยที่ไม่ต้องมีคำสั่งการจากผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และสามารถนำข้อมูลนี้ไปประเมินงานของข้าราชการได้ด้วย นี่คือตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นว่า นวัตกรรมที่ง่าย ๆ ก็สามารภเปลี่ยนเมืองได้ในพริบตา แล้วยังทำให้ข้าราชการเกิดความกระตือรือร้นในการทำงานที่ดีขึ้น” รองศาสตราจารย์ ดร.ชัชชาติ กล่าว
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS