{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
อีสท์ วอเตอร์ เดินหน้าพัฒนาระบบโครงข่ายท่อเพิ่มเติมอีกกว่า 120 กม. เน้นย้ำดำเนินธุรกิจอยู่บนความผิดชอบต่อชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อม และการเติบโตทางเศรษฐกิจ อันเป็นรากฐานของการพัฒนาอย่างยั่งยืน บนพื้นฐานการบริหารจัดการที่ โปร่งใส มีธรรมาภิบาล
นายเชิดชาย ปิติวัชรากุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์ วอเตอร์ เปิดเผยว่า อีสท์ วอเตอร์ มีระบบโครงข่ายท่อส่งน้ำ Water Grid ที่ใช้ในการบริหารจัดการส่งน้ำในพื้นที่จังหวัดระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา และอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบโครงข่ายท่อเพิ่มเติมด้วยความยาวอีกกว่า 120 กม. เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นทั้งในปัจจุบันและอนาคต การขยายการลงทุนครั้งนี้เพื่อสร้างมั่นใจให้กับผู้ใช้น้ำว่า อีสท์ วอเตอร์ ยังคงมีขีดความสามารถในการให้บริการส่งจ่ายน้ำในพื้นที่ EEC ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไปและยังคงยึดมั่นภารกิจในการบูรณาการการบริหารและจัดการระบบท่อส่งน้ำดิบในพื้นที่ภาคตะวันออก เน้นความเป็นเอกภาพและเสถียรภาพ รวมถึงดูแลบำรุงรักษาระบบท่อส่งน้ำให้สามารถตอบสนองความต้องการการใช้น้ำได้อย่างเพียงพอ ทันต่อเหตุการณ์ และสามารถขยายระบบโครงข่ายท่อส่งน้ำเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ในอนาคต
ทั้งนี้ตลอดระยะเวลาการดำเนินงานของอีสท์ วอเตอร์ 30 ปีที่ผ่านมา ได้สร้างความมั่นคงด้านน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออกอย่างต่อเนื่อง มีการลงทุน เพิ่มเพื่อสร้างเสถียรภาพในระบบโครงข่ายท่อส่งน้ำมูลค่ามากกว่า 22,000 ล้านบาท เกิดเป็นโครงข่ายท่อส่งน้ำขนาดใหญ่ หรือ Water Grid ที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย และสมบูรณ์ที่สุดในอาเซียน ความยาวรวม 512 กิโลเมตร เชื่อมโยงแหล่งน้ำสำคัญในภาคตะวันออกเกือบทั้งหมด เชื่อมโยง 2 ลุ่มน้ำใน 4 จังหวัด ทำให้ อีสท์ วอเตอร์ สามารถบริหารจัดการทรัพยากรน้ำทั้งระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพครอบคลุมพื้นที่ EEC ลดความเสี่ยงการขาดแคลนน้ำในสภาวะภัยแล้งหรือฝนทิ้งช่วง
สำหรับผลตอบแทนแก่ภาครัฐ นอกเหนือจากการชำระค่าเช่าบริหารท่อในแต่ละปีให้แก่กรมธนารักษ์ ตั้งแต่ปี 2537-2564 ซึ่งเป็นไปตามสัญญาและอัตราที่กรมธนารักษ์กำหนด รวม 588 ล้านบาทแล้ว อีสท์ วอเตอร์ มีการจัดสรรกำไรในแต่ละปี โดยได้จัดสรรปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นไว้แล้ว หากคำนวณการปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นภาครัฐ 45% จะเป็นเงินจำนวนรวมประมาณ 5,500 ล้านบาท นอกจากนี้ อีสท์ วอเตอร์มีการกำหนดราคาจำหน่ายน้ำดิบที่สะท้อนต้นทุนให้ได้กำไรที่เหมาะสมต่อความสามารถในการนำไปใช้ในการลงทุนได้ต่อเนื่อง และสามารถที่จะจัดสรรปันผลตอบแทนต่อนักลงทุนในอัตราเหมาะสม โดยจะเห็นได้จากในระยะเวลา 10 ปีแรกอัตราค่าน้ำดิบเฉลี่ย 7.00 บาทต่อ ลบ.ม. และในระยะปีที่ 11-20 อัตราค่าน้ำดิบเฉลี่ย 8.50 บาทต่อ ลบ.ม. และในระยะปีที่ 21-30 อัตราค่าน้ำดิบเฉลี่ย 11.00 บาทต่อ ลบ.ม.
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS