KCC ลุ้นปิดดีลซื้อหนี้ ไตรมาส 2 ดันพอร์ต NPLs โตเกือบ 100%

KCC เผยไตรมาส 2 คาดดีลซื้อหนี้เอ็นพีแอลเสร็จสิ้น ขยายพอร์ตลูกหนี้โตเฉียด 100% ทันที ขณะที่ลูกหนี้เดิมกลับมาเดินหน้าตามแผนปรับโครงสร้างหนี้ ชำระเงินต้นและดอกเบี้ยได้ตามปกติ มั่นใจปี 65 กำไรโตต่อ

นายทวี กุลเลิศประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล (KCC) เปิดเผยในงาน Opportunity Day ถึงทิศทางธุรกิจ AMC ว่า ในไตรมาส 2 และตลอดทั้งปี 2565 ยังมีโอกาสเติบโตได้ต่อเนื่อง โดยคาดการจัดซื้อหนี้ NPLs จากสถาบันการเงินได้เสร็จสิ้น โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 500 ล้านบาท ภายหลังจากบริษัทได้เงินจากการระดมทุน ด้วยการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) จำนวน 592 ล้านบาทและจากการเสนอขายหุ้นกู้ มูลค่า 350 ล้านบาท ทำให้มีเม็ดเงินเข้ามาในมือเกือบ 1,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการจัดหาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและทรัพย์สินรอการขาย เพื่อขยายพอร์ตลูกหนี้ NPLs ของบริษัท ส่งผลให้เงินลงทุนหรือพอร์ตลูกหนี้ NPLs จะเติบโตขึ้นเกือบเท่าตัวจากสิ้นไตรมาส 1 ปี 65ที่พอร์ตลูกหนี้ NPLs อยู่ที่ 527.40 ล้านบาท

ส่วนช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ บริษัทยังคงมีแผนเดินหน้าซื้อหนี้ NPLs เข้าพอร์ตอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าใช้เงินลงทุนซื้อหนี้ NPLs มากกว่า 800 ล้านบาท แม้เป้าหมายกำหนดไว้ว่าสิ้นปี 67 พอร์ตลูกหนี้ของบริษัทจะขยับขึ้นไปอยู่ในระดับที่มากกว่า 2,100 ล้านบาท แต่หากเห็นโอกาสทางธุรกิจเข้ามา บริษัทก็พร้อมเดินหน้าสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

นายทวี กล่าวว่า ภายใน 2-3 ปีข้างหน้านี้้ สถาบันการเงินจะยังคงนำลูกหนี้ NPLs ในระบบที่ยังคงมีอยู่ในระดับสูงออกมาประมูลขายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากตัวเลขล่าสุดของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ระบุว่าสถาบันการเงินทั้งระบบมี NPLs ณ สิ้นไตรมาสแรกปี 65 อยู่ที่ 531,890 ล้านบาท จึงเป็นโอกาสของธุรกิจบริหารจัดการหนี้ NPLs และธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ที่ยังคงมี supply หรือปริมาณหนี้ NPLs จากระบบสถาบันการเงินมาให้บริหารจัดการได้อีกมหาศาล โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับพอร์ตลงทุน หรือพอร์ตลูกหนี้ NPLs ของบริษัท ทำให้ธุรกิจ AMC ของบริษัทยังคงมีทิศทางหรือแนวโน้มเติบโตได้อีกมาก โดยเป้าหมายของบริษัทยังคงเน้นหนี้ NPLs ภาคธุรกิจ หรือ Corporate Loans ในสัดส่วน 70% และหนี้ NPLs สินเชื่อ เพื่อที่อยู่อาศัย หรือ Housing Loans ในสัดส่วน 30% โดยพิจารณาหลักประกันที่มีคุณภาพและความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้

นอกจากนี้หลังรัฐบาลได้ผ่อนคลายมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด -19 อย่างต่อเนื่อง จนทำให้ประชาชนและภาคธุรกิจกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ตามปกติ ส่งผลให้ลูกหนี้ของบริษัทกลับมาเดินหน้าดำเนินการตามแผนปรับโครงสร้างหนี้กับบริษัทได้มากขึ้น โดยกลับมาชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยได้ตามแผน หลังจากในช่วงปี 2564 ลูกหนี้บางราย ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการ ล็อคดาวน์ได้ขอหยุดชำระเงินต้น โดยแบ่งผ่อนชำระเฉพาะดอกเบี้ย แต่เมื่อสถานการณ์ดีขึ้น จึงกลับมาดำเนินการตามแผนปรับโครงสร้างหนี้ได้ ส่งผลให้บริษัทสามารถเก็บเงิน หรือมีเงินสดรับ (Cash Collection) เข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีลูกหนี้บางรายสามารถฟื้นฟูกิจการสำเร็จ กลับมาจ่ายชำระหนี้ได้ทั้งหมดและปิดบัญชีลูกหนี้กลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ปลดล็อคการเป็นลูกหนี้ NPLs เข้าสู่ระบบสินเชื่อของสถาบันการเงินได้ตามปกติ ซึ่งถือว่าบริษัทประสบความสำเร็จในการช่วยฟื้นฟูกิจการ บริหารจัดการหนี้ให้ลูกหนี้ที่มีปัญหากลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้อีกครั้ง


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment