ธนาสิริ จัดทัพใหม่ ดึง “อนาบูกิ โคซัน” ร่วมลุยเปิดโครงการทุกไตรมาส

ธนาสิริ มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตลูกค้า สังคม สิ่งแวดล้อม ดึง “อนาบูกิ โคซัน” บิ๊กอสังหาของญี่ปุ่นร่วมทุน พร้อมเปิดตัวโครงการใหม่ทุกไตรมาส

นายสุทธิรักษ์ เสถียรภาพอยุทธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THANA เปิดเผยว่า ในปี 2565 บริษัทวางแผนงเปิดตัวโครงการใหม่ในทุกไตรมาส โดยไม่เน้นในด้านปริมาณหรือจำนวนหน่วยเปิดตัวใหม่ แต่ให้ความสำคัญกับการส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีของลูกค้า รวมถึงการพัฒนาบริการในด้านต่างๆ โดยมี “อนาบูกิ โคซัน” ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต หรือ Health & Well - Being มาร่วมแชร์ประสบการณ์และองค์ความรู้ นอกเหนือจากการร่วมลงทุน เพื่อพัฒนารูปแบบโครงการที่รองรับการใช้ชีวิตของคนทุกวัย ให้มีความยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนตามไลฟ์สไตล์ หรืออายุลูกค้าที่เพิ่มขึ้น ในทุกพื้นที่และทุก Function การใช้งาน

นอกจากนี้ ยังจัดตั้งทีมงานใหม่ด้านงานบริการเพื่อเข้าไปดูแลบริหารจัดการ ทั้งชุมชนเดิมที่ THANA ได้พัฒนาไว้และโครงการใหม่ที่เป็นโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง จำนวน 6 โครงการ รวมถึงโครงการในอนาคต ให้เป็นสังคมที่น่าอยู่ นำทีมโดยผู้บริหารระดับสูง คือ นายจรัญ เกษร ที่มีประสบการณ์ทั้งด้านการพัฒนาโครงการแนวราบและแนวสูง การบริหารงานขายและการตลาด การก่อสร้าง รวมถึงการบริหารจัดการในหลายชุมชน ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูง ในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่สายงานปฏิบัติการ (COO) พร้อมทั้ง ทีมสนับสนุนจากผู้บริหารระดับสูงที่ผ่านประสบการณ์การบริหารจัดการในโครงการใหญ่ๆ มานับไม่ถ้วน

ด้านนายจรัญ เกษร ประธานเจ้าหน้าที่สายงานปฏิบัติการ ได้กล่าวถึง แผนการพัฒนาโครงการใหม่ในปีนี้ อย่างน้อย 3 โครงการ ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์เฮาส์ รวมมูลค่ากว่า 2,300 ล้านบาท ได้แก่ 1. โครงการร่วมทุน “อนาบูกิ ธนาฮาบิแทต ราชพฤกษ์” บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 167 ยูนิต บนพื้นที่ 30 ไร่เศษ มูลค่า 1,070 ล้าน ราคาขายเฉลี่ย 6.4 ล้าน เปิดขาย Q2/65 2. “ธนาเรสซิเดนท์ บรมราชชนนี-ปิ่นเกล้า” บ้านเดี่ยวหรู 47 ยูนิต บนพื้นที่ 21 ไร่เศษ มูลค่า 800 ล้าน ราคาขายเฉลี่ย 17 ล้าน เปิดขาย Q3/65 และ3. “ธนาวิลเลจ” บ้านแฝด 115 ยูนิต บนพื้นที่ 19 ไร่ มูลค่า 500 ล้าน ราคาขายเฉลี่ย 4.3 ล้าน เปิดขาย Q4/65

ส่วนโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการขายทั้งหมด 6 โครงการ มูลค่า 1,200 ล้านบาท หรือ 255 ยูนิต โดยมียอดขายไปแล้วเฉลี่ย 60% และมียอด Backlog 350 ล้านบาท โดยรอโอนในไตรมาส 1 ของปีนี้ ประมาณ 50% เป็นโครงการอยู่ใน จังหวัดนนทบุรี 5 โครงการ และ จังหวัดอุดรธานี 1 โครงการ ได้แก่ 1. ธนาฮาบิแแทต กรู๊ฟ ปิ่นเกล้า-สิรินธร โครงการบ้านเดี่ยว-บ้านแฝด จำนวน 125 ยูนิต บนพื้นที่ 23 ไร่เศษ มูลค่าโครงการ 720 ล้านบาท ราคาขายเฉลี่ย 5.8 ล้านบาท 2. อนาบูกิ ธนาฮาบิแทต สะพานมหาเจษฎาบดินทร์ฯ-ราชพฤกษ์ บ้านแฝดและทาวน์โฮม สไตล์ L-Home ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนกับกลุ่มอนาบูกิ 3. ธนาฮาบิแทต ปิ่นเกล้า-สิรินธร บ้านเดี่ยวหรู 4 นอน 4. ธนาคลัสเตอร์ ราชพฤกษ์ ทาวน์โฮม 3 ชั้น ราคาเริ่ม 3.49 ล้านบาท 5. ธนาคลัสเตอร์ เวสต์เกต บ้านแฝดและทาวน์โฮม 3 ชั้น ราคาเริ่มต้น 3.39 ล้านบาท และ6. สิริวิลเลจ อุดรธานี-แอร์พอร์ต บ้านเดี่ยว ชั้นเดียว และ 2 ชั้น ราคาเริ่มต้น 2.49 ล้านบาท

ซึ่งโครงการเดิมที่ดำเนินการอยู่อีก 6 โครงการ มูลค่ารวม กว่า 1,200 ล้านบาท จะดำเนินการในแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ในความสำคัญของทุกกระบวนการ ภายใต้ Model Total Green ดังกล่าว คือ

แนวคิดการพัฒนารูปแบบ “Green” ที่เริ่มคิด ดำเนินการ และกำกับดูแล ผลักดัน ให้บรรลุผลการจัดหาที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการ ที่โปร่งใสและลดผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของชุมชนดั้งเดิม การออกแบบ ตามหลัก Green & Universal Design และการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การทำการตลาดและงานขาย ที่เป็นธรรม ทั้งต่อลูกค้าและคู่แข่งขัน การก่อสร้าง ที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะเพื่อนบ้านข้างเคียง และการใช้วัสดุให้ไม่เหลือเศษ ตามหลัก “Circular Economy” การส่งมอบให้แก่ลูกค้าตามพันธะสัญญาที่ได้ให้ไว้ และ การบริหารจัดการชุมชน ซึ่งเป็นกระบวนการที่สำคัญที่สุด ในแนวทาง “ธนาสิริ...เราดูแล” เพื่อสร้างสังคมน่าอยู่ คุณภาพชีวิตและการอยู่อาศัยร่วมกันอย่างมีความสุข อบอุ่น ปลอดภัย ไว้ใจได้ เชื่อมโยงแนวคิดความยั่งยืนในการอยู่อาศัย Green Clean Lean

ทั้งนี้ในปัจจุบัน จะเห็นการรวมกลุ่มในลูกค้าทุก Gen ที่มีความสนใจในสิ่งเดียวกัน เช่น ผู้อยู่อาศัยที่รักสุนัข ผู้ที่ชอบกีฬาประเภทเดียวกัน ผู้คนที่นิยมการออกกำลังกาย รวมถึงกลุ่มงานอาสาจิตสาธารณะต่างๆ ซึ่งเกิดขึ้นโดยธรรมชาติของการอยู่อาศัยร่วมกัน ทางบริษัทจะเข้าไปร่วมให้การสนับสนุนเพื่อให้เกิดสังคมที่แข็งแกร่ง มีคุณภาพชีวิตที่ดี เปี่ยมด้วยความสุข ด้วยการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งการปรับการบริหารให้ทันต่อสถานการณ์ในยุค New Normal จากการถอดบทเรียนการบริหารจัดการในภาวะวิกฤติต่างๆ เช่น การแพร่เชื้อของไวรัสโคโรนา เป็นต้น

อนึ่งผลการดำเนินงานในปี 2564 ที่ผ่านมา ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย มียอดขายทั้งสิ้น 843 ล้านบาท โตขึ้น 148% (YoY) ยอดรับรู้รายได้ 581 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 210 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 57% (YoY) กำไรขั้นต้น 29.5% โดยมีกำไรสุทธิเท่ากับ 23.0 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนเงิน 44.5 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 207.0 ส่วนภายใน Q1/65 มียอดขายที่เติบโตแบบก้าวกระโดดที่ 150.3 ล้านบาทสามารถทำกำไรเติบโตขึ้นเกือบ 30% มียอดรับรู้รายได้ 581 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (QoQ)


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment