{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
L&E เผยแนวโน้มธุรกิจปี 65 สดใส วางเป้าหมายรายได้โต 20% ชูจุดแข็ง “Total Lighting Solution Provider” การทำธุรกิจแสงสว่างแบบครบวงจร บวก Innovation ตอบรับเทรนด์ธุรกิจสินค้าที่เชื่อมต่อถึงกันได้หรือ IoT ส่วนงบปี 64 มี กำไรสุทธิอยู่ที่ 43.8 ล้าน บอร์ดชงจ่ายปันผล 0.085 บาทต่อหุ้น
นายอนันต์ กิตติวิทยากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ L&E เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปี 2565 บริษัทฯ ยังคงโมเดลธุรกิจ “Total Lighting Solution Provider” การทำธุรกิจแสงสว่างแบบครบวงจร ควบคู่ innovation สร้างความมั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับบริการที่ดีที่สุดและสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้เป็นอย่างดี เพื่อตอบรับเทรนด์ธุรกิจสินค้าที่เชื่อมต่อถึงกันได้หรือ IoT ในยุคเทคโนโลยี 5G โดยตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 2565 คาดการณ์เติบโต 20% จากปีที่ผ่านมา จากงานในมือ (backlog) ที่เพิ่มขึ้น และงานที่เลื่อนมาจากปี 2564 และงานที่ผลิตเป็นจำนวนมากที่ส่งออกไปสหรัฐอเมริกามีการเติบโตอย่างต่อเนื่องถึง 20 - 25% ( คิดเป็นสัดส่วนการส่งออก 20% ของรายได้ทั้งหมด )
ปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือ (Backlog) ที่ประมาณ 1,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงานใหญ่ เช่น Lotus โครงการประหยัดพลังงานระบบแสงสว่างประจำปี 2565 ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า และอาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ที่เริ่มทยอยกลับมาดำเนินการปรับปรุงก่อสร้างอีกครั้งหลังจากหยุดไประยะหนึ่งจากผลของโควิด นอกจากนี้ยังมีงานภาครัฐ เช่น อาคาร ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาโซน C แจ้งวัฒนะ ไฟส่องอาคารสถานีรถไฟฟ้าสีชมพู และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เป็นต้น
สำหรับผลประกอบการงวดปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและให้บริการ 2,678 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 266 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 11% เนื่องจากรายได้จากงานขายต่างประเทศเพิ่มขึ้น 460 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 357% สาเหตุใหญ่มาจากรายได้จากการขายสินค้าไปให้ลูกค้าปลายทางที่ประเทศอเมริกาเพิ่มขึ้น 440 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 524% แม้รายได้จากงานขายงานโครงการลดลง 9% สาเหตุใหญ่มาจากการปิดแคมป์คนงานก่อสร้างเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้บริษัทไม่สามารถส่งสินค้าให้ลูกค้างานโครงการได้ตามปกติเป็นเวลาประมาณ 2 เดือน ส่วนงานขายส่ง/ขายปลีกลดลง 8% เป็นผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เช่นกัน
บริษัทมีกำไรสำหรับงวด 43.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 6.7 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 18% เป็นผลจากกำไรขั้นต้นจากการขายรวมรายได้อื่นลดลง 26.5 ล้านบาท หรือลดลง 3% เป็นผลจากรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้น 11% แต่อัตรากำไรขั้นต้นได้ปรับตัวลดลงจาก 32.2% ในปี 2563 เป็น 27.0% ในปี 2564 และเป็นผลจากสินค้าที่ส่งไปขายให้ลูกค้าปลายทางที่ประเทศอเมริกาจำนวน 440 ล้านบาท มีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่ารายการสินค้าขายปกติเพราะเป็นการขายสินค้าครั้งละจำนวนมาก
ทั้งนี้คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเห็นสมควรนำเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2564 พิจารณาจ่ายเงินปันผลประจำปี สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 โดยจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.085 บาทต่อหุ้น กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record Date) วันที่ 3 พฤษภาคม 2565 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 18 พฤษภาคม 2565 โดยบริษัทฯ จะจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น วันที่ 20 เมษายน 2565 เพื่อพิจารณามติดังกล่าว
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS