{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
PACO เปิดงบปี 2564 กำไรสุทธิเติบโตขึ้น 40 % แตะ 108 ล้านบาท มั่นใจปี 2565 นี้ ธุรกิจเติบโตสูง จากออเดอร์ใหญ่ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง พร้อมเพิ่มกำลังการผลิต รุกตลาดต่างประเทศ เสริมศักยภาพผู้นำธุรกิจอะไหล่รถยนต์ครบวงจร
นายสมชาย เลิศขจรกิตติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์ PACO เปิดเผยว่า ผลประกอบการประจำปี 2564 ที่เติบโตขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งบริษัทฯ มีรายได้รวม 696.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากรายได้รวม 667 ล้านบาทในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 108 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 40 % เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิ 77 ล้านบาทในปีก่อน โดยรายได้และกำไรสุทธิของ PACO เติบโตดีขึ้นตามอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยที่กลับมาขยายตัวอีกครั้ง และการฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวเร็ว รวมทั้งบริษัทฯ มีการควบคุมค่าใช้จ่ายและลดต้นทุนการผลิตได้ดี อีกทั้งสามารถขึ้นราคาสินค้าเพื่อรักษาอัตรากำไรได้อย่างสม่ำเสมอ โดย PACO มีอัตรากำไรสุทธิ (Net Margin) ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยใน ปี 2564 นี้ อัตรากำไรสุทธิของ PACO อยู่ที่ 14.8 % ซึ่งนับเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ค่อนข้างสูงเนื่องจาก PACO เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่เน้นตลาดอะไหล่ทดแทน (Aftermarket Parts) จึงสามารถกำหนดราคาขายสินค้าได้เอง และมีการแข่งขันด้านราคาที่ไม่มาก
ทั้งนี้ คณะกรรมการมีมติให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2565 เพื่อพิจารณาอนุมัติการจัดสรรเงินทุนสำรองตามกฏหมาย และจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงาน ประจำปี 2564 และรับทราบการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ครั้งที่ 1 ประจำปี 2564 โดยจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงาน ประจำปี 2564 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัท ซึ่งถือหุ้นรวมจำนวนทั้งสิ้น 1,000,000,000 หุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.05 บาท รวมเป็นเงินปันผลจ่ายในครั้งนี้ จำนวน 50,000,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 48.87 ของกำไรสุทธิ ซึ่งเงินปันผลดังกล่าวจะจ่ายจากกำไรสุทธิ ทั้งนี้การจ่ายเงินปันผลดังกล่าว ให้จ่ายแก่ผู้ถือหุ้นตามรายชื่อที่ปรากฎ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 6 พฤษภาคม 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 20 พฤษภาคม 2565 (การให้สิทธิในการรับเงินปันผลดังกล่าว ยังไม่มีความแน่นอน เนื่องจากต้องรอการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565) ทั้งนี้เห็นสมควรเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2565 รับทราบ การจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 ในอัตราหุ้นละ 0.03 บาท ให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัท ซึ่งถือหุ้นรวมจำนวนทั้งสิ้น 1,000,000,000 หุ้น รวมเป็นเงินปันผลจ่ายในครั้งนี้จำนวน 30,000,000 บาท และบริษัทฯได้จ่ายเงินปันผลดังกล่าวนี้ไปแล้วเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2564
โดย PACO คาดว่าปี 2565 รายได้รวมจะเติบโตต่อเนื่องประมาณ 20-25% โดยมาจากการเติบโตของธุรกิจหลัก REM ที่ขยายทั้งตลาดต่างประเทศที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องเนื่องจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว และจากตลาดในประเทศที่ จำนวนสาขา PACO Auto Hub เพิ่มขึ้นเป็น 300 สาขา และ มีกลุ่มสินค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาทิ หม้อน้ำรถยนต์ คอมเพรสเซอร์แอร์รถยนต์ อะไหล่ช่วงล่างรถยนต์ ออยล์คูลเลอร์ ไดชาร์จ และไดสตาร์ท เป็นต้น รวมไปถึงขยายไลน์แอร์รถยนต์ในกลุ่มรถหรู (Luxury Cars) ขณะเดียวกัน รายได้จากธุรกิจใหม่ OEM จะเริ่มเข้ามาเป็นปีแรก หลังจากเพิ่งได้รับงานเมื่อปลายปีที่ผ่านมา และจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะในปีหน้า กอรปกับตลาดรถยนต์ไทยและตลาดส่งออกหลักของบริษัทฯ คือประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง มีเศรษฐกิจที่ดีขึ้นจากราคาน้ำมันในตลาดโลก ที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง จึงมั่นใจว่าปีนี้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ จะเติบโตได้ตามเป้าหมาย”
สำหรับตลาดยานยนต์ไฟฟ้า (EV) PACO ได้ผลิต แบตเตอรี่คูลเลอร์ ซึ่งเป็น 1 ในชิ้นส่วนสำคัญสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบ BEV และ PHEV (Plug-in Hybrid) ซึ่ง PACO ได้ผลิต แบตเตอรี่คูลเลอร์ สำหรับ Tesla ซึ่งเป็น แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าอันดับ 1 ของโลก สำหรับรุ่น Tesla Model X และ Tesla 3 ตลอดจน รถยนต์ Plug-in Hybrid แบรนด์ BMW Series 3 และ Series 5 รุ่นปัจจุบัน (G20 และ G30) ซึ่งได้รับความนิยมสูงทั่วโลก โดย PACO เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ทดแทนรายแรกของไทย ที่เริ่มเปิดตลาดแบตเตอรี่คูลเลอร์ ทั้งตลาดส่งออกและตลาดในประเทศ จากการที่ภาครัฐได้ออกมาตรการกระตุ้นตลาดรถยนต์ไฟฟ้า เชื่อว่าจะเข้ามาช่วยหนุนให้อุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยกลับมาดีขึ้น โดยบริษัทฯ ยังคงที่จะมุ่งพัฒนาและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่หลากหลาย
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS