{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ เดินเกมรุกตลาดรถจักรยานยนต์เมืองไทยในปี 2565 เสริมสินค้าใหม่ 4 รุ่น ครอบคลุมทุกการใช้งาน รุกตลาดตั้งเป้า 287,000 คัน หวังขยับส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 17.5% ในปีนี้ จาก 16.5% ในปี 64
มร.ทัตสึยะ โนซากิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ความสำเร็จของยามาฮ่าในปีที่ผ่านมา แม้จะเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบอย่างหนัก แต่ตลาดรถจักรยานยนต์ยังคงแข็งแกร่งและมีแนวโน้มในการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว และยามาฮ่าสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องนั้น เป็นผลจากการทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่ของร้าน จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า และพันธมิตรทางธุรกิจทุกๆ ท่าน โดยยามาฮ่ายังคงมุ่งเน้นไปที่การสร้างตราสินค้าให้มีความแข็งแกร่ง และสร้างความผูกพันระหว่างยามาฮ่ากับลูกค้าให้มีความมั่นคงและคงอยู่ตลอดไป
สำหรับประเด็นสินค้าที่ยังไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด เรายังคงมุ่งมั่นทำงานหนักร่วมกับยามาฮ่ามอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น รวมถึงพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้น
นายพงศธร เอื้อมงคลชัย รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ในปี 2565 นี้ คาดการณ์ว่าภาพรวมของตลาดรถจักรยานยนต์จะเพิ่มขึ้นจากปี 2564 อยู่ที่ประมาณ 2% หรือประมาณ 1.64 ล้านคัน ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีจากการคาดการณ์การลงทุนของภาครัฐ ที่เพิ่มขึ้น การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีความรุนแรงลดลง รวมทั้งระบบเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวฟื้นตัว โดยยามาฮ่าได้ตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 287,000 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 8% เมื่อเทียบจากปีที่ผ่านมา และจะขยับส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 17.5% โดยมุ่งเน้นกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ รวมถึงกลยุทธ์การขายและการตลาด เพื่อที่จะสร้างความแข็งแกร่ง และทำให้ส่วนแบ่งการตลาดเติบโตเพิ่มขึ้น
โดยมุ่งเน้นที่จะพัฒนาภาพลักษณ์ของตราสินค้าผ่านหลักปรัชญา KANDO “วิถีอันเป็นเอกลักษณ์ของยามาฮ่า” พร้อมกับ Brand Slogan “Revs your Heart” เร่งชีวิตให้เร้าใจ พร้อมรุกตลาด อย่างต่อเนื่องด้วย 5 กลยุทธ์หลักในการสร้างแบรนด์ ได้แก่
การพัฒนาและการเปิดตัวสินค้าใหม่ ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ ภายใต้เทคโนโลยีล้ำสมัยและดีไซน์ที่สร้างความแตกต่าง ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น ทั้ง R-SERIES, SPORT HERITAGE, MAX SERIES และ FASHION AUTOMATIC รวมทั้งแอปพลิเคชัน Y-Connect ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารกับลูกค้า
มุ่งสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพสินค้าด้วยการรับประกัน 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร ในรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทุกรุ่นที่มีขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 500 ซีซี
ยกระดับและพัฒนาโชว์รูมยามาฮ่ารูปแบบใหม่ทั่วประเทศ พร้อมทั้งเสริมความแข็งแกร่งของ การบริการหลังการขายด้วยระบบ Pro Care และยกระดับการให้บริการในระดับพรีเมียม มาตรฐานเดียวกับ Yamaha Premium Service พร้อมทั้งการขยายและพัฒนาโชว์รูมรูปแบบใหม่เพิ่มขึ้นอีก 60 แห่ง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและ สร้าง Customer Community ตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วยมาตรฐานที่สูงขึ้น
เน้นการสร้างภาพลักษณ์ตราสินค้าที่แข็งแกร่ง เพื่อความยั่งยืนของธุรกิจ รวมถึงการสร้าง Yamaha Lifetime Customers โดยยกระดับคุณภาพทั้งในเรื่องสินค้า การบริการ และกิจกรรมการตลาด ที่พร้อมจะส่งมอบประสบการณ์ชั้นยอด สร้างความแตกต่าง ตอบโจทย์ในทุก ไลฟ์สไตล์ของลูกค้า เพื่อให้สินค้าและบริการของยามาฮ่าเป็นที่หนึ่งในใจของลูกค้า และ ทำให้ลูกค้ากลับมาใช้สินค้าและบริการของยามาฮ่าเสมอ
การจัดกิจกรรมฉลองครบรอบ 67 ปี ยามาฮ่า โดยเป็นกิจกรรมเพื่อให้ลูกค้าได้มีส่วนร่วม ในการสร้างจิตสำนึกและความรับผิดชอบต่อสังคมร่วมกับยามาฮ่า”
สำหรับตลาดรถจักรยานยนต์ในปี 2564 ที่ผ่านมา ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ โรคโควิด-19 พอสมควร แต่ยามาฮ่าสามารถปรับตัวและทำกลยุทธ์การตลาดให้เข้ากับสถานการณ์ การแพร่ระบาดได้เป็นอย่างดี ทำให้ตลาดรถจักรยานยนต์ยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยยอดจดทะเบียนรวมปิดตัวเลขอยู่ที่ 1.61 ล้านคัน เติบโตจากปีที่ผ่านมา 6% โดยเป็นยอดจดทะเบียนของรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทั้งสิ้น 266,000 คัน เพิ่มขึ้นถึง 11% เมื่อเทียบกับปี 2563 ซึ่งเป็นอัตราการเติบโต ที่เหนือกว่าภาพรวมของตลาด ทั้งยังสามารถขยับส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 16.5% ซึ่งการเติบโตขึ้นของยามาฮ่าเป็นผลจากการเดินหน้านโยบายด้านการขายและการทำตลาดอย่างเข้มข้นนั่นเอง
ส่วนนายภาณุพล กิตติคำรณ รองผู้จัดการใหญ่ด้านการขายและการตลาด บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ในปี 2564 ยามาฮ่าสามารถบรรลุเป้าหมายในการสร้างยอดขายและสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด จาก 15.8% เพิ่มขึ้นเป็น 16.5% ได้สำเร็จ โดยเฉพาะในกลุ่มรถครอบครัวขนาดต่ำกว่า 125 ซีซี ที่สามารถเพิ่ม ส่วนแบ่งการตลาดจาก 6.5% ขยับขึ้นมาเป็น 9% สำหรับในกลุ่มรถสปอร์ต และรถออโตเมติก ยามาฮ่าเติบโตได้เป็นที่น่าพอใจ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลของการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าว่า รถจักรยานยนต์ ยามาฮ่านั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพระดับพรีเมียม ด้วยการรับประกันรถจักรยานยนต์ทั้งคัน 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร ในรถจักรยานยนต์ที่มีขนาดไม่เกิน 500 ซีซี ทุกรุ่น โดยเฉพาะในกลุ่มรถครอบครัวอย่าง ”ยามาฮ่าฟินน์” ที่ยามาฮ่า กล้าให้การรับประกันทุกชิ้นส่วนยาวนานถึง 5 ปี โดยไม่จำกัดระยะทาง ซึ่งช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยามาฮ่ายังยกระดับการบริการลูกค้าด้วยเทคโนโลยีใหม่ “Y-Connect” แอปพลิเคชันเพื่อชีวิตสมาร์ทสุดล้ำที่มีขึ้นครั้งแรกของประเทศไทย ในรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า All New YAMAHA AEROX และ New NMAX Connected โดยในปีที่ผ่านมาแอปพลิเคชัน “Y-Connect” มีผู้ใช้งานมากกว่า 25,000 คน แสดงให้เห็นถึงความนิยมของผู้ใช้งาน ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของยามาฮ่า และในปี 2564 ยามาฮ่ายังคงเสริมความแข็งแกร่งด้านการขายและการบริการ ด้วยการปรับรูปแบบใหม่ของโชว์รูมยามาฮ่า ภายใต้คอนเซปต์ “Move faster, Move further, Move together with Yamaha” ที่ได้เปิดบริการนำร่องไปแล้ว 9 โชว์รูมทั่วประเทศ ทั้งนี้ โชว์รูมยามาฮ่ารูปแบบใหม่จะสามารถตอบสนองและสร้าง Customer Experience ที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้า พร้อมทั้งสร้างความสัมพันธ์ของลูกค้าในแต่ละพื้นที่ด้วยกิจกรรมทางการตลาดและมุ่งเน้นการบริการหลังการขายในระดับพรีเมียมให้กับลูกค้าของยามาฮ่า
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS