BAANDY ชู O2O ลุยตลาดเชิงรุกปี 65 สร้างฐาน 3,000 ร้านค้าทั่วประเทศ

BAANDY (บานดี้) เปิดแผนปี 65 ชูกลยุทธ์ลุยตลาดแพลตฟอร์ม ออมนิ มาร์เก็ต ด้วยกลยุทธ์ O2O อัพฐานลูกค้าสู่ 3,000 ร้านค้าทั่วประเทศ เร่งพัฒนาแอปพลิเคชันเพิ่มฟังก์ชันการใช้งานและเพิ่มรายการสินค้า

นายณัฏฐ์นวัต พันธุกรกวีวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะ บานดี้ จำกัด ผู้พัฒนา BAANDY แอปพลิเคชัน ซื้อ-ขายวัสดุก่อสร้างครบวงจร สินค้าตกแต่ง ฝีมือคนไทย เปิดเผยว่า ในปี 2565ตั้งเป้าการเติบโตมากกว่าตลาด เนื่องจาก BAANDY เป็นกลุ่มสตาร์ทอัพด้านบริหารจัดการเทคโนโลยีรูปแบบแพลตฟอร์มทันสมัยให้ลูกค้าซื้อ-ขายสินค้าได้ง่ายขึ้น ซึ่งจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง ต้องการความรวดเร็ว สะดวกสบาย ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี ประกอบกับประสบการณ์ในการคลุกคลีกับกลุ่มร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างมายาวนาน จึงมีความเข้าใจในพฤติกรรมการเลือกซื้อ และปัจจัยที่มีความสำคัญต่อการเลือกซื้อวัสดุก่อสร้างของผู้บริโภคเป็นอย่างดี

โดยกลยุทธ์การดำเนินงานในปี 2565 ประกอบด้วย 1.มุ่งเน้นการตลาดเชิงรุก ด้วย ออมนิ มาร์เก็ต (Omni Market) แพลตฟอร์มวัสดุก่อสร้างออนไลน์และแอปพลิเคชันค้าปลีกรายแรกในประเทศไทย พร้อมโปรโมททั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ที่สามารถซื้อ-ขายวัสดุก่อสร้างได้จริงในทุกๆ สินค้า (B2C) ด้วยกลยุทธ์ O2O (Online to Offline) โดยเน้นให้บริการนำระบบดิจิทัลเทคโนโลยีมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้ซื้อและผู้ขายวัสดุก่อสร้าง จากการขายสินค้าหน้าร้านปกติที่เป็นออฟไลน์ให้เชื่อมโยงกับการขายออนไลน์ รวมถึงเพิ่มการจัดกิจกรรมการตลาดด้วยรูปแบบสัมมนา จัดอีเวนต์แบบเข้าถึงร้านค้าและผู้ซื้อเพิ่มขึ้น

2.ขยายจำนวนร้านค้าที่อยู่บนแอปพลิเคชันบานดี้ไปสู่เป้าหมายระดับ 3,000 ร้านค้า จากปัจจุบันมีร้านค้าเปิดและพร้อมขายสินค้าแล้วกว่า 900 ร้านค้าในภาคตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนือ ขณะเดียวกันบริษัทจะเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้ทั้ง 900 ร้านค้าเดิม ให้สามารถใช้ข้อมูลในระบบฐานปฏิบัติการได้อย่างชำนาญและพร้อมขยายงานได้ในแต่ละรายมากขึ้น เพื่อให้ฝ่ายขายสามารถปิดการขายได้ทั้งระบบออฟไลน์และออนไลน์ได้รวดเร็วขึ้น โดยปีนี้เน้นขยายพื้นที่ให้ครอบคลุมภาคตะวันออกเป็นหลัก และจะขยายฐานลูกค้าภาคอีสานตอนบน และกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ในลำดับต่อไป

3.วางแผนเพิ่มจำนวนรายการสินค้าที่หลากหลาย เป็น 4 หมื่นรายการ จากปัจจุบันมีราว 1.5 หมื่นรายการ เพื่อเพิ่มช่องทางสร้างรายได้อีกหนึ่งช่องทาง โดยเตรียมเพิ่มสินค้า อาทิ สินค้าเกษตรและอะไหล่ยนต์ จากเดิมมีสินค้าประเภทวัสดุก่อสร้างสำหรับตกแต่ง ซ่อมแซม ต่อเติม, งานโครงสร้าง (เหล็ก หิน ปูน ทราย), กระเบื้อง, อุปกรณ์ช่าง ฮาร์ดแวร์อุปกรณ์งานระบบไฟฟ้า / ประปา, อุปกรณ์ตกแต่งสวน, สุขภัณฑ์, สี / เคมีภัณฑ์ เป็นต้น เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย

4. พัฒนาแพลตฟอร์ม BAANDY Terminal ช่วยร้านค้าวัสดุก่อสร้างบริหารจัดการหน้าร้าน ใช้งานง่ายขึ้น โดยการเชื่อมต่อระบบปฏิบัติการขายหน้าร้านกับระบบการขายออนไลน์ แบบทันท่วงที (Real time) ตลอดจนเสริมทีมบริหารพิเศษเฉพาะเรื่องการสะสมแต้มและเหรียญ BAANDY ในอนาคตอีกด้วย

โดยบริษัทประเมินภาพรวมมูลค่าตลาดวัสดุก่อสร้างปี 2565 จะเติบโตประมาณ 3-5% จากปีก่อน แม้ว่าสถานการณ์ Covid-19 จะส่งผลกระทบในปีที่แล้วเป็นอย่างมาก แต่ในปีนี้ประเทศไทยเริ่มรับมือและเข้าถึงวัคซีนมากขึ้น ดังนั้นปัจจัยดังกล่าวทำให้มีดีมานด์ของการใช้จ่ายสูงขึ้น ประกอบกับผู้ประกอบการในธุรกิจอุตสาหกรรมก่อสร้างต่างปรับกลยุทธ์สร้างการเติบโต และจัดโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ ซึ่งในขณะเดียวกันทำให้ทางฝ่ายผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างหลายรายจำเป็นต้องผลิตสินค้าเพิ่มขึ้นให้มากเพื่อลดต้นทุนการผลิตต่อหน่วยให้สามารถแข่งขันได้ โดยมองว่าปัจจัยดังกล่าวจะทำให้ตลาดขยายตัวกว่าปีที่ผ่านมา


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment