{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) เปิดตัวโครงการ Solar Rooftop ขนาด 820 KWp พ่วง ระบบกักเก็บพลังงาน ขนาด 550 KWh ภายในนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ด้วยงบประมาณ 25 ล้าน
ดร.นิพนธ์ บุญเดชานันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) โครงการโซลาร์ พร้อมระบบกักเก็บพลังงาน บนหลังคาและในพื้นที่ของโรงกรองน้ำของบริษัทฯ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรมอีเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ซึ่งมีขนาดการผลิตไฟฟ้า 820 KWp และความจุระบบกักเก็บพลังงาน 550 KWh ได้ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2564 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยใช้เงินลงทุนโครงการทั้งสิ้น จำนวน 25 ล้านบาท
โดยเป็นการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ และระบบกักเก็บพลังงาน Battery Energy Storage System (BESS) มาใช้ในการผลิตไฟฟ้าเพื่อจ่ายไฟให้กับโรงกรองน้ำ โดยระบบ Battery ESS จะเก็บพลังงานไฟฟ้าส่วนเกินเอาไว้ และจะนำพลังงานไฟฟ้ากลับมาใช้ในช่วงที่ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้เพียงพอต่อความต้องการของโรงกรองน้ำ จึงทำให้สามารถใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์และประหยัดต้นทุนด้านพลังงานได้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มเสถียรภาพและความมั่นคงทางพลังงานให้กับระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ
สำหรับโครงการโซลาร์ พร้อมระบบกักเก็บพลังงานนี้มี สามารถประหยัดต้นทุนด้านพลังงาน ได้ประมาณ 4 ล้านบาทต่อปี และยังเป็นการช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2 Offset) ที่ปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศ ได้ถึง 10,500 ตัน ตามนโยบายรักษ์โลก ลดโลกร้อน และลดการเกิดภาวะเรือนกระจก โดยปัจจุบันภาคอุตสาหกรรมได้ให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างมาก ทั้งนี้Solar Rooftop เป็นโครงการที่ถือได้ว่าตอบโจทย์นโยบายรักษ์โลกได้ดีที่สุด และยังติดตั้งได้ง่าย ต้นทุนต่ำ เหมาะกับประเทศไทยที่มีแสงแดดหลายชั่วโมง
WHAUP เชื่อมั่นว่าอีกไม่นาน Battery ESS จะเข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้น และเป็นตัวเร่งให้ผู้ประกอบการหันมาใช้พลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก โดย WHAUP เล็งเห็นโอกาสการเติบโตของนำระบบการกักเก็บพลังงานมาใช้ จึงเร่งพัฒนาความเชี่ยวชาญด้าน Solar Rooftop และ Battery ESS เพื่อสำหรับตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าในอนาคต
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WHAUP กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างเจรจากับกลุ่มลูกค้า ในนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเออย่างต่อเนื่อง และได้รับการตอบรับที่ดีเนื่องจากการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ พร้อมระบบ Battery ESS ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีมูลค่าการผลิตและต้องการเสถียรภาพด้านพลังงานสูง พร้อมกันนี้ ยังอยู่ระหว่างการศึกษาการทำระบบ Smart Microgrid ซึ่งบริษัทฯ ได้ศึกษาบางส่วนแล้ว เพื่อนำมาใช้ภายในนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ เพื่อรองรับการให้บริการ Solar และ Battery ESS ในระยะยาวเพิ่มขึ้น อีกทั้งช่วยลดต้นทุนพลังงาน และมีพลังงานใช้ได้อย่างมีเสถียรภาพ (reliability)
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS