BEAUTY ฟื้น 9 เดือนปี 64 ขาดทุนลด 41.6% เดินหน้าปรับโครงสร้าง กระจายสินค้า

BEAUTY เผยงวด 9 เดือน ปี 64 รายได้รวม 294.5 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 72.3 ล้านบาท ลดลง 41.6% มองไตรมาส 4/64 ส่งสัญญาณดี เริ่มมีปัจจัยหนุน ไฮซีซั่นธุรกิจ เดินหน้าแผนธุรกิจฝ่าวิกฤตโควิด-19 พัฒนาโมเดลขายและขยายช่องทางจำหน่าย

นพ.สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) (BEAUTY) เปิดเผยว่า ผลประกอบการงวด 9 เดือนปี 64 บริษัทมีรายได้รวม 294.5 ล้านบาท ลดลง 50.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 592.7 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 72.3 ล้านบาท ขาดทุนลดลง 41.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 123.8% ล้านบาท เป็นผลจากการลดค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายปรับโครงสร้างธุรกิจ ลดต้นทุน ควบคุมค่าใช้จ่าย โดยงวด 9 เดือน มีค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น226.2 ล้านบาท ลดลง 49.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 446.2 ล้านบาท

ขณะที่ ผลประกอบการไตรมาส 3/64 บริษัทมีรายได้รวม 75.4 ล้านบาท ลดลง 61.0% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 193.5 ล้านบาท และลดลง 7.8% จากไตรมาส 2/64 ที่มีรายได้รวม 81.7 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 22.0 ล้านบาท ลดลง 37.4% จากไตรมาส 2/64 ที่มีขาดทุนสุทธิ 35.2 ล้านบาท และลดลง 3.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีขาดทุนสุทธิ 22.8 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนรายได้มาจากต่างประเทศ 37% ตลาดในประเทศ 63%

ส่วนแนวโน้มธุรกิจในช่วงไตรมาส 4/64 ว่า ระบบการค้าในประเทศยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่น่าจะมีสัญญาณดีขึ้น ในลักษณะค่อยๆฟื้นตัว จากนโยบายการเปิดประเทศ รับนักท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและกำลังซื้อ ประกอบกับเป็นช่วงไฮซีซั่นธุรกิจ

แนวโน้มตลาดต่างประเทศ ในประเทศจีนคาดว่าคำสั่งซื้อมีแนวโน้มการฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป เข้าสู่ช่วงเทศกาลโปรโมชั่น 11 เดือน 11 รวมทั้งยังมีการพัฒนาโมเดลการขายในต่างประเทศใหม่ “Product License” เพื่อความสะดวกในการพัฒนาสินค้าใหม่ และการบริหารจัดการในประเทศจีน

ทั้งนี้บริษัทติดตามสถานการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างใกล้ชิด เพื่อรับมือวิกฤตดังกล่าวและเตรียมความพร้อมรับมือกับกำลังซื้อที่คาดว่าจะค่อยๆทยอยฟื้นตัว โดยยังคงมุ่งเน้นปรับกลยุทธ์และแผนธุรกิจตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง ประกอบด้วย 1.ปรับโครงสร้างบริหารจัดการ เพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ (Re-structure) 2. พัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ (Re-model) 3. ขยายช่องทางการจำหน่ายที่มีการขยายตัวสูง (Re-new) มุ่งเน้นขยายช่องทางจำหน่ายที่มีโอกาสขยายตัว สามารถเข้าถึงฐานลูกค้าได้กว้างขึ้น ไม่จำกัดเฉพาะการเปิดสาขาร้านค้าปลีก เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้จากฐานลูกค้าในประเทศ และสามารถสร้างตลาดที่ครอบคลุมในระยะยาว อาทิ ช่องทางสินค้าอุปโภค (Consumer Product) กลุ่มสินค้า Fast Moving Consumer Goods ( FMCG ) ผ่านผู้ค้าส่งเครื่องสำอางรายใหญ่ในแต่ละภูมิภาค (Local Distributor) โดยปัจจุบันแต่งตั้งเรียบร้อยแล้วจำนวน 13 รายมีเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ ตั้งเป้าวางจำหน่าย 16,696 ร้านค้า


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment