ธุรกิจชุมชนโลว์เทค ธพว.หนุนทุนอัพเกรด

หอการค้าไทย เผยธุรกิจชุมชนที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ ยังขาดเทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูง SME D Bank พร้อมเติมเต็มยกระดับธุรกิจชุมชน

นายธนวรรธน์ พลวิชัย รองอธิการบดีอาวุโสวิชาการและงานวิจัย และผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ผลการสำรวจสถานภาพธุรกิจชุมชน จาก 795 ตัวอย่างว่า ส่วนใหญ่ 56.12% ยังดำเนินการโดยใช้แรงงานเป็นหลัก ตามด้วย 35.59% ใช้แรงงานร่วมกับเครื่องจักรขนาดเล็ก มีเพียง 0.13%เท่านั้นที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูง ขณะที่ 46.70% มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ เช่น การจัดส่งสินค้า รับคำสั่งซื้อ จัดหาวัตถุดิบ รับชำระเงิน เป็นต้น และ 53.30% ไม่มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ ให้เหตุผลว่า ไม่มีความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่จำเป็น ไม่มีเงินทุนเพียงพอ ธุรกิจขนาดเล็กไม่มีความจำเป็น เป็นต้น

โดยธุรกิจชุมชนส่วนใหญ่ 63.14% ใช้วัตถุดิบในพื้นที่ และ 87.60% ใช้แรงงานในพื้นที่ จึงเป็นการสร้างประโยชน์แก่ชุมชนท้องถิ่นในระดับมาก เฉลี่ยถึง 3.72% จากเต็ม 5% ทั้งก่อให้เกิดการจ้างงาน การใช้วัตถุดิบ สร้างรายได้ และการออม เป็นต้น ส่วนสถานภาพของธุรกิจชุมชนในปัจจุบันเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่บอกว่า ใกล้เคียงเดิม เช่น ด้านยอดขาย กำไร จำนวนลูกค้า เป็นต้น ส่วน 6 เดือนข้างหน้า เชื่อยอดขายยังอยู่ในระดับเดิม ส่วนต้นทุน และกำไรจะดีขึ้น

เมื่อสำรวจการจัดทำบัญชีของธุรกิจชุมชน พบว่า มีการทำเป็นกิจจะลักษณะ 45.59% ที่เหลือ 54.41% ทำบ้างไม่เป็นกิจจะลักษณะ โดย 45.21% ทำบัญชีแบบง่ายๆ 35.5% จดแค่รายรับรายจ่ายและเงินเหลือในแต่ละวัน และ 19.28% เป็นบัญชีมาตรฐาน เมื่อเจาะลึกจะพบว่า กลุ่มธุรกิจชุมชนที่มีการทำบัญชีเป็นกิจจะลักษณะโดดเด่น คือ ร้านธงฟ้าประชารัฐ ซึ่งเป็นกลุ่มที่เข้าถึงมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ

ทั้งนี้ กลุ่มตัวอย่างธุรกิจชุมชน 16.9% บอกว่า มีภาระหนี้สิน วงเงินเฉลี่ย 1,055,929.13 บาท อัตราผ่อนชำระ 14,884.35 บาทต่อเดือน ซึ่ง 79.32% บอกว่า ไม่เคยผิดนัดชำระหนี้ ส่วนความต้องการเข้าถึงแหล่งทุน 52.93% เชื่อว่า ตัวเองมีศักยภาพเข้าถึงได้มาก และภายใน 1 ปีนับจากนี้ จำนวน 50.9% ต้องการสินเชื่อ โดยวัตถุประสงค์หลัก 3 อันดับแรก ได้แก่ พัฒนาและออกแบบบรรจุภัณฑ์ พัฒนาและออกแบบกระบวนการผลิต และปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคให้ได้มาตรฐาน โดยวงเงินที่ต้องการส่วนใหญ่อยู่ที่ประมาณ 100,000-500,000 บาท

กลุ่มธุรกิจชุมชนยังได้สะท้อนปัญหา และอุปสรรค ที่ต้องการได้รับการปรับปรุง ได้แก่ การส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ เงินทุนขยายกิจการ การยกเว้นภาษี เงินทุนการผลิต สร้างเสริมโอกาสและความสามารถในการแข่งขัน ปริมาณวัตถุดิบ คุณภาพวัตถุดิบ ระบบขนส่งสินค้า คู่แข่งขนาดใหญ่ในประเทศ และสภาพคล่องทางการเงิน

ส่วนการได้รับประโยชน์และเข้าถึงมาตรการสนับสนุนของภาครัฐนั้น ส่วนใหญ่บอกว่า ไม่ทราบถึงมาตรการต่างๆ แต่เมื่อเข้าถึงแล้ว ช่วยสร้างประโยชน์ต่อธุรกิจอย่างมาก โดยสิ่งที่กลุ่มตัวอย่างต้องการได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐ เช่น สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ความรู้ส่งเสริมนวัตกรรมทันสมัย ลดหย่อนภาษีและปรับลดความซับซ้อน ปรับลดกฎข้อบังคับความยุ่งยากด้านการจ้างงาน เป็นต้น ส่วนข้อเสนอแนะและสิ่งที่ต้องการได้รับจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank คือ ความง่ายในขั้นตอนขอและเข้าถึงสินเชื่อ พนักงานบริการอย่างเต็มใจ รวดเร็ว อบรมให้ความรู้ด้านบัญชี หรือการขอสินเชื่อ และให้คำแนะนำด้านการเงิน พัฒนาศักยภาพธุรกิจ รวมถึงส่งเสริมช่องทางตลาด

ด้านนายวรมิตร ครุฑโต รองกรรมการผู้จัดการ ธพว.หรือ SME D Bank กล่าวว่า จากการสำรวจดังกล่าว บ่งบอกได้ดีว่า ธุรกิจชุมชนมีความสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างยิ่ง ดังนั้น SME D Bank จึงมุ่งตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในบทบาทสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐเพื่อยกระดับธุรกิจชุมชน ด้วยการเติมความรู้คู่เงินทุนต่อเนื่อง โดยเฉพาะในปี2562 มีเป้าหมาย จะอนุมัติสินเชื่อได้ 30,000 ล้านบาท ผลักดันธุรกิจชุมชนเข้าถึงแหล่งทุนกว่า 30,000 ราย เกิดการเชื่อมโยงกับธุรกิจชุมชนกับธุรกิจภายนอก เช่น ท่องเที่ยง ขนส่ง สินค้าที่ระลึก ฯลฯ ก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 145,500 ล้านบาท


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment