{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
ทีเอ็มีธนชาติเผยไตรมาส 2/2564 มีกำไรสุทธิจำนวน 2,534 ล้านบาท ชะลอลง 8.9% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2564 จากสถานการณ์โควิด-19 เร่งเดินหน้าให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่ลูกค้า เพื่อมุ่งสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นให้กับคนไทย
นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/2564 ของ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) มีกำไรสุทธิจำนวน 2,534 ล้านบาท ชะลอลง 8.9% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2564 จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ระบาดเป็นวงกว้างและสร้างแรงกดดันต่อรายได้มากขึ้น อย่างไรก็ดี ด้านการรับรู้ผลประโยชน์จากการรวมกิจการ การบริหารค่าใช้จ่าย และคุณภาพสินทรัพย์ ยังคงทำได้ตามเป้าหมาย ขณะที่ภารกิจรวมธนาคารเสร็จสมบูรณ์แล้วตามแผน ปัจจุบันเร่งเดินหน้าให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่ลูกค้า เพื่อมุ่งสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นให้กับคนไทย ทั้งวันนี้และอนาคต และยกระดับมาตรการด้านสุขอนามัยเพื่อดูแลความปลอดภัยของพนักงานรวมถึงลูกค้าที่เข้ารับบริการที่สาขา เพื่อให้ทุกคนผ่านพ้นวิกฤตในครั้งนี้ไปด้วยกัน
โดยเศรษฐกิจในไตรมาส 2 มีความท้าทายมากขึ้นจากการระบาดของโควิด-19 ระลอกเดือนเมษายน ซึ่งรุนแรงมากกว่าการระบาดที่เคยเกิดขึ้นในไตรมาส 1 สำหรับทีเอ็มบีธนชาตนั้น เรามีภารกิจสำคัญในเรื่องการรวมธนาคาร ซึ่งแม้จะเผชิญกับข้อจำกัดจากสถานการณ์การระบาดอย่างต่อเนื่อง แต่จากการเตรียมงานและความทุ่มเทของพนักงานก็ทำให้ภารกิจรวมธนาคารเสร็จสมบูรณ์ได้เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา เป็นไปตามกรอบระยะเวลา 18 เดือนที่วางไว้
ในส่วนของการดำเนินงานในไตรมาส 2 นั้น ธนาคารยังคงเน้นกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง ไม่เร่งการเติบโตสวนทางแนวโน้มเศรษฐกิจที่ยังคงเปราะบาง เนื่องจากไม่ต้องการสร้างความเสี่ยงเพิ่มเติม จุดประสงค์หลักก็เพื่อรักษาและคงความแข็งแกร่งทางการเงินไว้ให้พร้อมสำหรับการเติบโตเมื่อเศรษฐกิจเอื้ออำนวย อย่างไรก็ดี แม้มีแรงกดดันด้านรายได้แต่เป้าหมายหลักด้านอื่น ๆ ธนาคารยังคงทำได้ดีตามแผน ไม่ว่าจะเป็นการรับรู้ผลประโยชน์จากการรวมกิจการ โดยเฉพาะจากด้านงบดุล (Balance sheet synergy) และด้านต้นทุน (Cost synergy) การมีวินัยด้านค่าใช้จ่าย และการดูแลคุณภาพสินทรัพย์
และด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังรุนแรงและยืดเยื้อ สิ่งสำคัญที่สุดที่ธนาคารเร่งดำเนินการอย่างเต็มความสามารถในตอนนี้ คือ การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบและการยกระดับมาตรการด้านสุขอนามัยเพื่อดูแลความปลอดภัยของพนักงานทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความปลอดภัยของพนักงานทัพหน้า เช่น พนักงานสาขาและศูนย์บริการลูกค้า ซึ่งหมายรวมถึงความปลอดภัยของลูกค้าที่ยังมีความจำเป็นต้องเข้ามาใช้บริการที่สาขาด้วยเช่นกัน
สำหรับแนวโน้มครึ่งปีหลัง มองว่าสถานการณ์โควิด-19 จะยังมีผลกระทบกับเศรษฐกิจต่อไป ดังนั้น ภาพรวมเชิงกลยุทธ์จึงยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ที่เพิ่มเติมเข้ามาคือการดำเนินการตามแผนการรับรู้ผลประโยชน์จากการรวมกิจการด้านรายได้ (Revenue synergy) ภายหลังการรวมธนาคาร ผ่านการพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ตรงจุดและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
ในด้านค่าใช้จ่ายนั้น จะยังมีการรับรู้ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับกระบวนการรวมกิจการเหลืออยู่บางรายการในช่วงครึ่งปีหลัง รวมไปถึงค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับแผนการดูแลพนักงานในช่วงโควิด-19 ทำให้อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้จะยังอยู่ใกล้กับกรอบด้านบนของเป้าหมายธนาคารที่ 47%-49%
ในด้านคุณภาพสินทรัพย์ ยังเน้นการดูแลอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ มาตรการสนับสนุนจากภาครัฐและธนาคารแห่งประเทศไทยถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่เอื้อให้ธนาคารสามารถช่วยเหลือลูกค้าและดูแลคุณภาพสินทรัพย์ได้ดียิ่งขึ้น โดยนับตั้งแต่การระบาดในปีที่แล้ว ธนาคารได้ให้ความช่วยเหลือลูกค้าไปมากกว่า 7.5 แสนราย ปัจจุบันยอดสินเชื่อที่อยู่ภายใต้โปรแกรมความช่วยเหลือมีสัดส่วนประมาณ 14% ของสินเชื่อรวม
ภายใต้โปรแกรมให้ความช่วยเหลือ การปรับโครงสร้างการชำระหนี้ให้สอดคล้องกับสภาพคล่องที่เปลี่ยนไปของลูกค้าช่วยให้ลูกค้าส่วนใหญ่สามารถกลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติ ลดการผิดนัดชำระหนี้ และชะลอการเกิดหนี้เสียใหม่ อย่างไรก็ดี เนื่องจากการแก้หนี้เสียที่มีอยู่เดิม เช่น การขาย ทำได้ช้าลงเมื่อเทียบกับภาวะเศรษฐกิจในสถานการณ์ปกติ ดังนั้น โดยรวมแล้วยอดหนี้เสียและสัดส่วนหนี้เสียต่อสินเชื่อรวม (NPL ratio) จะยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 2 ธนาคารมียอดหนี้เสียอยู่ที่ 43,543 ล้านบาท ใกล้เคียงกับ 43,400 ล้านบาท ในไตรมาสก่อน แต่เนื่องจากสินเชื่อชะลอลง สัดส่วนหนี้เสียต่อสินเชื่อรวมจึงขยับจาก 2.75% มาอยู่ที่ 2.89% ซึ่งยังคงอยู่ในกรอบเป้าหมาย
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS