ฝ่าไฟแดง วิ่งย้อนศร วิ่งบนฟุตบาทเอาไง จับจริงเปลี่ยนเลนเขตห้าม-ไม่สวมหมวก

กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) นำระบบตรวจจับรถฝ่าฝืนเปลี่ยนช่องเดินรถในเขตห้าม (Lane Change Camera System) มาใช้เริ่มต้น 15 จุด

ระบบตรวจจับในแต่ละจุด จะมีกล้อง 4 ตัว ทำงานอัตโนมัติตลอด 24 ชั่วโมง หากตรวจจับพบการกระทำผิด กล้องจะทำการบันทึกข้อมูลทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว เข้าสู่กระบวนการเพื่อออกใบสั่ง

สำหรับความผิดข้อฝ่าฝืนเครื่องหมายบนพื้นที่ ตาม พรบ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 21 ประกอบมาตรา 152 มีอัตราโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท แต่เบื้องต้น บก.จร.จะปรับไม่เกิน 500 บาท

ส่วนกองบัญชาการตำรวจนครบาลก็สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 88 สถานี ออกตรวจทุกทางแยก เข้มงวดการบังคับใช้กฎหมายรถจักรยานยนต์ที่ไม่สวมหมวกกันน็อคตามทางแยก เละเส้นทางหลักต่างๆ ตลอดทั้งปี

โดยผู้ที่ไม่สวมหมวกกันน็อคมีโทษปรับ 500 บาท และหากมีผู้ซ้อนท้ายไม่ใส่หมวกกันน็อค คนขับจะต้องเสียค่าปรับเพิ่มเติมในอัตราไม่เกิน 1,000 บาท

ขณะที่ตำรวจจราจรกำลังเข้มงวดเรื่องการขับรถเปลี่ยนเลน ที่จะช่วยป้องกันการเกิดอุบัติเหตุและลดปัญหาการจราจร รวมถึงการเข้มงวดสวมหมวกกันน็อค เพื่อช่วยลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุ

แล้วมอเตอร์ไซด์ที่จอดรถทับเส้นบริเวณแยก การขับรถฝ่าไฟแดง การขับขี่บนฟุตบาท รวมไปถึงการขับรถย้อนศร ที่ยังมีให้เห็นอยู่ดาดดื่น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งการมาตรการ 5 จอม ตำรวจจะทำอย่างไร

ทั้งนี้ เมื่อเดือนมิถุนายน 2557 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองบัญชาตำรวจนครบาล ได้ทำโครงการปฏิบัติการคืนพื้นผิวจราจร ด้วยมาตรการ 5 จริง ยกจริง ล็อคจริง จับจริง ขังจริง สุภาพจริง

ต่อมา กรกฎาคม 2557 ได้ออกมาตรการ 5 จอม ได้แก่ จอมปาด จอมล้ำ จอมขวาง จอมย้อน จอมปลอม ภายหลังได้รวมถึงจอมแชทด้วย

ในช่วงแรกของการดำเนินการตามมาตรการ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้จำนวนมาก และสภาพการจราจรในหลายพื้นที่มีความคล่องตัวเพิ่มขึ้น

แต่เมื่อเวลาผ่านไปเริ่มมีคำถามว่า มาตรการดังกล่าวถูกเลิกใช้แล้วหรือไม่ เพราะยังพบเห็นการกระทำผิดเป็นปกติ เช่น การจอดรถล้ำเส้นบริเวณแยก การขับปาดบนเส้นทึบ การที่มอเตอร์ไซด์สองล้อขับฝ่าไฟแดงขณะติดสัญญาณไฟ และการใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ เป็นต้น

ทำให้เกิดข้อสงสัยอาจจะมีนอกมีในระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ขับขี่หรือไม่ จึงทำให้การออกใบสั่งผู้กระทำผิดลดน้อยลงไป

อย่างไรก็ตาม ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยอมรับว่าปัญหาส่วนหนึ่งก็เพราะมีเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ แต่ก็ได้พยายามกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรปฏิบัติหน้าที่และเข้มงวดกับการปฏิบัติตามกฎหมาย และพยายามนำเทคโนโลยีมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นกล้องซีซีทีวี หรือกล้องเรดไลด์เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ

รวมไปถึงการออกใบสั่งด้วยระบบอิเลคทรอนิกส์ ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการทุจริตของเจ้าหน้าที่ได้อีกทางหนึ่ง

--------------------------------------------------------


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment