{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
EXIM BANKเปิดตัว “สินเชื่อเครือข่ายธุรกิจครบวงจร” เสริมสภาพคล่องให้ SMEs ที่เป็น Suppliers ของผู้ประกอบการรายใหญ่ ไม่ต้องใช้หลักประกันนำ Invoice ขอสินเชื่อสูงสุด 25% ของยอดขายรวมปีล่าสุด
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า EXIM BANK จึงพร้อมสนับสนุน SMEs ไทยให้เข้าสู่หรือเชื่อมโยงกับ Supply Chain ในวงจรการค้าระหว่างประเทศ ด้วยบริการใหม่ “สินเชื่อเครือข่ายธุรกิจครบวงจร (EXIM Supply Chain Financing Solution)” เพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ธุรกิจ SMEs ที่เป็น Suppliers ของผู้ประกอบการรายใหญ่ (Sponsor) โดยไม่ต้องใช้หลักประกันเพิ่ม สามารถนำ Invoice มาใช้ยื่นขอสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษผ่าน Digital Platform ได้ วงเงินกู้สูงสุด 25% ของยอดขายรวมปีล่าสุด โดยอ้างอิงบนเครดิตที่แข็งแรงของ Sponsor บริการดังกล่าวช่วยให้ผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงสินเชื่อได้สะดวกขึ้นและมีต้นทุนต่ำลง มีความคล่องตัวในการดำเนินธุรกรรมทางออนไลน์ โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางมาที่ธนาคาร ขณะที่ Sponsor ซึ่งเป็นลูกค้า EXIM BANK จะได้รับเครดิตเทอมเพิ่มจากคู่ค้าที่เป็น SMEs และมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่แน่นแฟ้นระหว่างกัน เป็นประโยชน์ในการขยายธุรกิจต่อไปในอนาคตข้างหน้า
สำหรับต้นแบบ Supply Chain ที่แข็งแกร่งภายใต้การสนับสนุนของ EXIM BANK ได้แก่ บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ส่งออก-นำเข้าและศูนย์รวมวัสดุก่อสร้างและสินค้าไลฟ์สไตล์ครบวงจรของไทย ซึ่งมีสินค้าจำหน่ายกว่า 270,000 รายการ และมี Suppliers ใน Supply Chain เป็นจำนวนมาก อาทิ บริษัท วิชั่น กลาส แอนด์ ดอร์ อินดัสเทรียล จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลาง จำหน่ายผลิตภัณฑ์ประตูและกระจกตกแต่งบ้าน บริษัท คาร์ชายน์ จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลาง จำหน่ายผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดรถยนต์ บริษัท อุดร เก้าเจริญทรัพย์ จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจขนาดเล็ก จำหน่ายไม้แปรรูปจากต่างประเทศ บริษัท เอ็ม.เจ.พาราวู๊ด จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจขนาดเล็ก จำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ไม้ บริษัท ว.พลาสติก (2002) จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจขนาดเล็ก จำหน่ายผลิตภัณฑ์พลาสติก
“การฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจไทยต้องเริ่มต้นที่ฐานราก กล่าวคือ การพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs ให้มีแรงขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ ก้าวข้ามข้อจำกัดด้านเงินทุนและอำนาจต่อรอง โดยอาศัยพันธมิตรทางธุรกิจเป็นสะพานเชื่อมไปสู่โอกาสใหม่ ๆ ที่นำไปสู่การเติบโตร่วมกันอย่างมั่นคงและยั่งยืน ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำและการขาดโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบการรายย่อย กระตุ้นให้เกิดการค้าและธุรกรรมผ่านระบบดิจิทัลเพื่อความสะดวกรวดเร็วแก่ภาคธุรกิจและผู้บริโภค ตลอดจนเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมไทยตลอดทั้ง Supply Chain เพื่อให้ทุกภาคส่วนมีความแข็งแกร่งและพร้อมเริ่มต้นกับโอกาสครั้งใหม่หลังวิกฤตโควิด-19” ดร.รักษ์กล่าว
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS