TKNย้ำอีกยันไม่ขายกิจการมุ่งสู่Global Brand

เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง หรือ TKN ยืนยันไม่ขายกิจการอย่างแน่นอน พร้อมมุ่งมั่นสร้างยอดขายแตะ 10,000 ล้านบาท ภายในปี 2567 นำ TKN ให้ก้าวสู่ Global Brand

นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN เปิดเผยว่าตนขอให้ความมั่นใจนักลงทุนทุกคน TKN จะไม่ขายกิจการอย่างแน่นอน แม้ที่ผ่านมามีกระแสข่าวลือต่างๆ มากมาย และมีการพูดคุยกับพันธมิตร เพราะถือเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่จะทำให้เป้าหมายของบริษัท ไปสู่จุดหมายได้เร็วมากขึ้น โดยตั้งเป้าหมายยอดขายแตะ 10,000 ล้านบาท ภายในปี 2567 พร้อมนำ TKN ก้าวเป็น Global Brand โดยจะมุ่งเน้นการขยายตลาดผ่านพันธมิตรทางธุรกิจในลักษณะร่วมทุน (JV) ซึ่งถือเป็นช่องทางเพิ่มมูลค่าและสร้างผลตอบแทนทางธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว ควบคู่กับการสร้างแบรนด์เถ้าแก่น้อยเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น

“ผมยืนยันว่าไม่คิดที่จะขายกิจการอย่างแน่นอน แต่ไม่ปฎิเสธว่ามีบริษัทที่อยู่ระหว่างพูดคุยอยู่บ้าง ซึ่งมองว่าเป็นโอกาสในการสร้างการเติบโตแบบ Inorganic Growth เพื่อต่อยอดเพื่อไปสู่จุดหมายให้เร็วมากยิ่งขึ้น ผ่านการทำ JV ส่วนการขายหุ้นแบบบิ๊กล็อตในช่วงที่ผ่านมาเพื่อบริหารสภาพคล่องทางการเงิน ไม่เกี่ยวข้องกับการขายกิจการแต่อย่างใด และมั่นใจได้ว่ากลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ยังถือหุ้นมากกว่า 50% อย่างแน่นอน” นายอิทธิพัทธ์ กล่าว

สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในช่วงปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ยังส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ รวมถึงกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทฯ เพราะธุรกิจของ TKN ต้องพึ่งพานักท่องเที่ยวเป็นหลัก ส่งผลทำให้ยอดขายจากนักท่องเที่ยวลดลงกว่า 500-600 ล้านบาทต่อปี ในขณะที่ตลาดต่างประเทศมีรายได้หดตัวลงจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคในท้องถิ่นที่ลดลง ทำให้บริษัทฯ ต้องเดินหน้าปรับกลยุทธ์ใหม่ๆ เข้ามา โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ศึกษาโอกาสขยายการลงทุนในธุรกิจ New S-Curve มาตลอด และโควิด-19 ถือเป็นตัวเร่งให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ซึ่งจะมุ่งเน้นขยายฐานลูกค้าคนไทยมากขึ้น

ขณะที่การออกผลิตภัณฑ์นมพลาสเจอร์ไรส์รสชานม “จัสท์ ดริ้งค์” ได้รับการตอบรับจากกลุ่มผู้บริโภคเป็นอย่างดี ซึ่งเข้ามาช่วยชดเชยยอดขายจากตลาดในประเทศ โดยนับตั้งแต่เปิดตัวสามารถสร้างยอดขายได้แล้วประมาณ 6 ล้านขวด

นอกจากนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าทำตามนโยบาย 3 Go (Go firm – Go Brand – Go Global) ตามที่ตั้งไว้ โดยเฉพาะ Go firm ในการ Lean องค์กรให้มีความคล่องตัวพร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ทั้งการปิดสาขาเถ้าแก่น้อยแลนด์ ซึ่งถือเป็นการตัดความเสี่ยง แม้ทำให้ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/63 ขาดทุนก็ตาม แต่เชื่อว่าในระยะยาวจะดีขึ้น พร้อมมุ่งเน้นการบริหารจัดการต้นทุน ราคาวัตถุดิบโดยเฉพาะสาหร่ายที่เป็นวัตถุดิบหลัก รวมถึงต้นทุนการผลิตระยะยาว เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการทำกำไร และรักษาอัตราการทำกำไรขั้นต้นให้ใกล้เคียงปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งรักษากระแสเงินสดเพื่อจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นต่อเนื่อง

พร้อมกันนี้ บริษัท ได้อยู่ระหว่างการปรับกลยุทธ์ใหม่ร่วมกับพาร์ทเนอร์ Pan Orion Corp เพื่อเจาะตลาดจีนให้ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม TKN ยังสามารถรักษา Market Share ในตลาดจีนได้กว่า 10% รวมถึงมี New Business มีแผนออกผลิตภัณฑ์โคแบรนด์ (Co-Brand) ร่วมกับผู้นำตลาดในกลุ่มสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย เพื่อเป็นตัวกลางในการส่งออกผลิตภัณฑ์ไปจัดจำหน่ายในจีน รองรับการขยายตลาดต่างประเทศและถือเป็นโอกาสสำคัญที่จะช่วยสร้างการเติบโตได้ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มทำการตลาดในช่วงปลายปีนี้