PRMร้อนแรงQ1/64 กำไรสุทธิพุ่ง 46.9%

พริมา มารีน หรือPRMโชว์ไตรมาส 1/2564 กำไรสุทธิ 434.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.9% ประเมินช่วงที่เหลือของปีนี้ธุรกิจเรือขนส่งระหว่างประเทศมาแรง ช่วยเสริมความการเติบโตต่อเนื่อง มั่นใจปีนี้เติบโต 10-15%

นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินงานในไตรมาส 1/2564 (มกราคม-มีนาคม) บริษัท ยังสามารถรักษาอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งจากขีดความสามารถด้านการให้บริการแก่ลูกค้าที่ดีอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กำไรสุทธิในไตรมาสนี้ เพิ่มขึ้น 46.9% หรือทำได้ 434.1 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 295.6 ล้านบาท แม้ว่ารายได้รวม 1,423.9 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่มีรายได้รวม 1,505.5 ล้านบาท จากสถานการณ์โควิด-19

ความสำเร็จในครั้งนี้ มาจากพอร์ตกองเรือของ PRM ที่มีความแข็งแกร่งและหลากหลายของประเภทเรือ โดยกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งและกักเก็บปิโตรเลียมกลางทะเล หรือ FSU ยังคงเป็นธุรกิจหลักที่ช่วยสนับสนุนการเติบโต ส่วนกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งภายในประเทศ แม้ว่ายังมีปัจจัยลบจากสถานการณ์โควิด-19 แต่ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจทำให้ PRM สามารถบริหารจัดการเส้นทางการขนส่งให้สอดคล้องกับสถานการณ์ตลาด โดยยังคงรักษาอัตราการใช้บริการเรืออยู่ที่ 90% จึงช่วยสนับสนุนในการเสริมสร้างรายได้ที่ดี

ขณะเดียวกัน การบริหารจัดการต้นทุนการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพและการบริหารความเสี่ยงทางด้านอัตราแลกเปลี่ยนที่ดีขึ้น ยังช่วยสนับสนุนการทำกำไรให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี เป็นผลให้ภาพรวมการดำเนินงานในไตรมาส 1/2564 ยังเติบโตเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก

ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี PRM กล่าวว่า ภาพรวมการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัท มั่นใจว่าจะยังคงรักษาอัตราการเติบโตไว้ที่ 10% ได้ตามแผน โดยประเมินว่ากลุ่มธุรกิจเรือขนส่งระหว่างประเทศจะเข้ามาช่วยผลักดันการเติบโตต่อจากนี้ หลังจากที่ PRM ได้จับมือเป็นพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์กับกลุ่มไทยออยล์ จากสัญญาการให้บริการเรือขนส่งปิโตรเลียมระหว่างประเทศเป็นระยะเวลา 10 ปี จำนวน 3 ลำ แก่กลุ่มไทยออยล์ ซึ่งเป็นเรือ VLCC ขนาดบรรทุกมากกว่า 300,000 DWT โดยเริ่มทยอยให้บริการแล้วจำนวน 1 ลำ ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และในช่วงปลายปีนี้อีกจำนวน 1 ลำ ก่อนจะครบทั้ง 3 ลำได้ภายในกลางปี 2565 จะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการขับเคลื่อนเสริมการเติบโตของกลุ่ม PRM นับจากนี้ ซึ่งเบื้องต้นประเมินว่าหากให้บริการเรือ VLCC ครบตามจำนวนจะทำให้สัดส่วนรายได้จากกลุ่มธุรกิจดังกล่าวเพิ่มเป็น 20% ของรายได้รวมทั้งหมด ซึ่งจะเป็นการบริหารพอร์ทกองเรือให้สามารถกระจายรายได้ไปยังหลาหลายกลุ่มธุรกิจมากขึ้น


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment