ดีมันนี่เปิดตัว “DeeMoney for Business”

ดีมันนี่ (DeeMoney) เปิดตัวบริการใหม่ DeeMoney for Business เพื่อช่วยให้ลูกค้า SME โอนเงินหรือชำระเงินไป29 ประเทศทั่วโลก รวดเร็วขึ้น สะดวกขึ้น ค่าธรรมเนียมต่ำที่สุด 499 บาทต่อครั้ง

นางสาวรัศเมฆ ศรีเศรษฐี กรรมการผู้จัดการและผู้ร่วมก่อตั้งดีมันนี่ เปิดเผยว่า ดีมันนี่ (DeeMoney) เปิดตัวบริการใหม่ DeeMoney for Business เพื่อช่วยให้ลูกค้าธุรกิจและผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) สามารถโอนเงินหรือชำระเงินไปยังสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร อินเดีย ฮ่องกง และอีก 25 ประเทศทั่วโลก ด้วยเทคโนโลยีทางการเงินอันก้าวหน้าของดีมันนี่ช่วยให้ลูกค้าในภาคธุรกิจสามารถทำธุรกรรมระหว่างประเทศได้รวดเร็วขึ้น สะดวกขึ้น ในอัตราค่าธรรมเนียมต่ำที่สุดเพียง 499 บาทต่อครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการชำระค่าสินค้า การโอนเงินให้กับคู่ค้าในต่างประเทศ หรือการจ่ายเงินเดือนไปยังพนักงานที่ต่างประเทศก็สามารถทำได้ผ่านแพลตฟอร์มของดีมันนี่

การเปิดให้บริการ DeeMoney for Business ในครั้งนี้แสดงถึงความมุ่งมั่นของดีมันนี่ที่จะพัฒนาแพลตฟอร์มด้านธุรกรรมข้ามพรมแดนของไทยด้วยเทคโนโลยีระดับโลก และภายในปีนี้ ดีมันนี่มุ่งขยายความร่วมมือกับคู่ค้าปัจจุบันกว่า 40 บริษัททั่วโลก เพื่อให้มั่นใจว่าการโอนเงินเข้าและออกจากประเทศไทยจะเป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็วและปลอดภัยที่สุด

“เป็นครั้งแรกในไทยที่มีผู้ให้บริการธุรกรรมระหว่างประเทศเป็นทางเลือกให้ลูกค้านอกเหนือจากการทำธุรกรรมผ่านธนาคาร” นายอัศวิน พละพงศ์พานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้งดีมันนี่ กล่าว “ลูกค้าธุรกิจจะเป็นอิสระจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและค่าธรรมเนียมที่ถูกกำหนดโดยธนาคาร DeeMoney for Business มอบบริการด้านธุรกรรมระหว่างประเทศที่มีอัตราแลกเปลี่ยนที่ดีกว่าธนาคาร ด้วยค่าธรรมเนียมคงที่และสามารถทำธุรกรรมได้กับทุกบัญชีธนาคารในไทย จึงทำให้ธุรกิจต่างๆ มีความยืดหยุ่นในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการ SME ที่เป็นเสาหลักของเศรษฐกิจไทยและมีส่วนสำคัญต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) DeeMoney for Business จะมาเปลี่ยนแปลงการ ทำธุรกิจของ SME ให้คล่องตัวขึ้น เรามั่นใจว่าบริการนี้ไม่เพียงจะช่วยผู้ประกอบการ SME ให้สามารถขยายธุรกิจการค้ากับต่างประเทศได้มากขึ้นแต่ยังช่วยสร้างความเติบโตให้เศรษฐกิจไทยไปพร้อมกัน”

วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) คิดเป็นสัดส่วนถึง 45% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของไทยหรือกว่า 215,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ผู้ประกอบการ SME กลับเป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับบริการที่เหมาะสมจากธนาคารโดยเฉพาะบริการด้านธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศ โดยปกติผู้ประกอบการ SME ใช้บริการโอนเงินและชำระเงินระหว่างประเทศโดยระบบ SWIFT ผ่านธนาคารต่อธนาคาร ซึ่งมีความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน เกิดความล้าช้า และเก็บค่าธรรมเนียมทั้งเมื่อส่งเงินและรับเงิน อุปสรรคทางการค้าเหล่านี้ทำให้ลูกค้ากลุ่ม SME ไม่สามารถบริหารกระแสเงินสดได้ อีกทั้งธนาคารยังไม่สามารถบริการลูกค้ากลุ่ม SME ให้ทัดเทียมกับลูกค้ากลุ่มองค์กรขนาดใหญ่เนื่องจากข้อจำกัดด้านทรัพยากรของธนาคารเอง


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment