{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
PLANETเผยผู้ถือหุ้นโหวตหนุนแผนเพิ่มทุน 125 ล้านหุ้น ขาย RO ในอัตรา 2 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นเพิ่มทุน ในราคาหุ้นละ 1.50 บาท รองรับแผนลงทุน 5G ดิจิทัลเทคโนโลยีและ Cyber Security
นายประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์ ประธานกรรมการบริหาร และ กรรมการผู้อำนวยการและหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANET ผู้ให้บริการเทคโนโลยีดิจิทัลแบบครบวงจร เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2564 มีมติเห็นชอบการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจาก 250,000,000 หุ้น เป็น 375,000,000 หุ้น โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 125,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิม (RO) ในอัตราส่วน 2 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 หุ้นเพิ่มทุน ในราคาหุ้นละ 1.50 บาท โดยประเมินเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนในครั้งนี้ รวมมูลค่าไม่เกิน 187,500,000 บาท ทั้งนี้กำหนดวันจองซื้อและชำระเงินค่าหุ้นสามัญที่ออกใหม่ในระหว่างวันที่ 13-14 และ 17-19 พ.ค. 2564
สำหรับวัตถุประสงค์ในการเพิ่มทุนในครั้งนี้ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและสภาพคล่องทางการเงินสำหรับการดำเนินธุรกิจ รวมถึงช่วยเสริมความมั่นคงให้บริษัทมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุน ไปสนับสนุนการขยายธุรกิจ 5G ดิจิทัลเทคโนโลยีและ Cyber Security และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน รวมถึงรองรับการขยายกิจการและการลงทุนในอนาคต ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อบริษัทและผู้ถือหุ้นทุกราย
โดยการเพิ่มทุนในครั้งนี้เป็นการขยายฐานทุนของบริษัท ซึ่งจะสามารถส่งเสริมให้ฐานะทางการเงินมีความแข็งแกร่งขึ้น บริษัทจะมีเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการอย่างต่อเนื่อง และมีความคล่องตัวในการขยายกิจการและรองรับการลงทุนในอนาคต หลังจากในปี 2564 นี้ บริษัทฯได้ปรับเปลี่ยนองค์กรสู่การเป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีดิจิทัลแบบครบวงจร (Digital Technology Provider) อย่างเต็มตัว ด้วยการนำ 4 เทคโนโลยี ประกอบด้วย เทคโนโลยีกลุ่มสื่อสารโทรคมนาคม (Telecom) , เทคโนโลยีกลุ่มระบบรักษาความปลอดภัยทางด้านไซเบอร์ (Cyber Security) , กลุ่มสินค้าด้านเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Technology) และกลุ่มสินค้าด้านเทคโนโลยี 5จี มาวิจัย พัฒนา ออกแบบ และรวมระบบอย่างครบวงจร เป็น Solution ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยมีเป้าหมายลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เพิ่มผลผลิต อีกทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพและความปลอดภัยของประชาชน ซึ่งปัจจุบันได้มีการนำร่องไปติดตั้งเพื่อทดสอบการใช้งานจริงแล้วหลายโครงการ
"กลุ่ม Digital Technology และเทคโนโลยี 5จี อาทิ Cloud Computing, IoT Platform, CCTV/Video Analytics, Data Center, Telemedicine และ Energy ผ่านโครงข่ายสื่อสาร 5จี เป็นธุรกิจใหม่ และเป็นสินค้า New S Curve ของบริษัทฯ ที่หลังจากนี้จะเน้นการมุ่งขยายตลาดสินค้าเมกะเทรนด์ที่มีการขยายตัวสูงมากในอีก 10 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะ 4 ตลาดใหม่ ที่กำลังมีแนวโน้มต้องการเทคโนโลยีอัจฉริยะสูง ประกอบด้วย ตลาดในกลุ่มเมืองอัจฉริยะ (Smart City) , ตลาดในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมอัจฉริยะ (Smart Factory),ตลาดสำนักงานอัจฉริยะ (Smart Office),และตลาดกลุ่มการดูแลสุขภาพอัจฉริยะ (Smart Healthcare) โดยปัจจุบันได้ร่วมกับพันธมิตรดำเนินการนำร่องไปติดตั้งและประสบความสำเร็จในการทดสอบใช้งานจริงแล้วหลายโครงการ เช่น โครงการ 5G บ้านฉางเมืองต้นแบบ และ โครงการ ภูเก็ตสมาร์ทซิตี้ เป็นต้น ซึ่งมั่นใจจากนี้จะส่งผลดีต่อผลประกอบการของบริษัท สำหรับในปี 2564 ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 25% และในอีก 3 ปีข้างหน้า(2564-2566)จะสามารถส่งให้รายได้เติบโตแตะ 2 พันล้านบาท ” นายประพัฒน์กล่าว
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS