{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
ทีพีไอ โพลีน หรือ TPIPL เสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 2/2564 วงเงินรวมไม่เกิน 4,000 ล้านบาท อายุหุ้นกุ้ 2 ปี 9 เดือน ดอกคงที่ 3.50% ต่อปี เสนอขาย27-29 เมษายน 2564
บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPL เสนอขายหุ้นกู้ TPIPL ครั้งที่ 2/2564 มูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 4,000 ล้านบาท จำนวนหน่วยที่เสนอขายไม่เกิน 4 ล้านหน่วย อายุ 2 ปี 9 เดือน โดยเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2567 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.50% ต่อปี กำหนดชำระดอกเบี้ยทุก ๆ 3 เดือน หรือทุกวันที่ 30 มกราคม, 30 เมษายน, 30 กรกฎาคม และ 30 ตุลาคม ตลอดอายุหุ้นกู้ โดยเริ่มชำระดอกเบี้ยงวดแรก 30 กรกฎาคม 2564
บริษัทกำหนดเสนอขายหุ้นกู้ ให้แก่นักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนทั่วไป (Public Offering) ที่ราคาเสนอขายหน่วยละ 1,000 บาท จองซื้อขั้นต่ำ 100 หน่วย โดยผู้ที่สนใจสามารถแสดงความจำนงซื้อหุ้นกู้ดังกล่าวได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ 11 ราย ได้แก่ (1) ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) (2) บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (3) บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) (4) บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย ซีมิโก้ จำกัด (5) บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน) (6) บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) (7) บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด (8) บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (9) บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (10) บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย)จำกัด (มหาชน) และ (11) บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โดยการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้มีกำหนดให้นักลงทุนชำระค่าจองซื้อในวันที่ 27-29 เมษายน 2564
หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2564 ที่อันดับ BBB+ และแนวโน้มอันดับเครดิต Stable ซึ่งอันดับเครดิตจะสะท้อนถึงตำแหน่งทางการตลาดที่แข็งแกร่ง และมั่นคงในธุรกิจปูนซีเมนต์ ซึ่ง TPIPL ถือว่าเป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่ของประเทศ ตลอดจนตำแหน่งผู้นำในตลาดพลาสติก Low-density Polyethylene (LDPE) และ Ethylene Vinyl Acetate (EVA) ที่มีกระแสเงินสดที่มั่นคง ประกอบกับได้รับประโยชน์จากการมีธุรกิจที่หลากหลาย ขณะที่ธุรกิจผลิตไฟฟ้ามีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจ และยังคงสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคง จากการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่มีร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) พร้อมกันนี้ คาดว่าจะประสบความสำเร็จในการแสวงหาสัญญาซื้อขายไฟฟ้า สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ ๆ ซึ่งจะเข้ามา ซึ่งมีส่วนช่วยชดเชยกระแสเงินสดที่ลดลงจากการหมดอายุของ Adder ได้
ทั้งนี้ บริษัทมีวัตถุประสงค์จะนำเงินที่ได้จากการขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ เพื่อชำระคืนหุ้นกู้ ที่จะครบกำหนดชำระคืน จำนวน 3,580 ล้านบาท ในวันที่ 5 สิงหาคม 2564 และส่วนที่เหลือจะใช้เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ จำนวน 420 ล้านบาท สำหรับ TPIPL เป็นหนึ่งในผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่ในประเทศไทย โดยผลการดำเนินงานปี 2563 มีรายได้รวม 36,186.66 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,839.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รับผลดีจากต้นทุนขายและค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลง สืบเนื่องจากการพัฒนาโครงการต่างๆ และการค้นคว้าวิจัย (Research & Development) ในกระบวนการผลิตและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ตามนโยบาย Bio Circular Green Economy และสิ่งแวดล้อม สังคมธรรมาภิบาลที่ดี (ESG) ทำให้ต้นทุนการผลิตของบริษัทฯลดลง และเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ประเภท ปุ๋ยชีวะอินทรีย์ พืชผักอินทรีย์ ที่ไม่ต้องใช้ยาปราบศัตรูพืชอันเป็นพิษกับร่างกายและสิ่งแวดล้อมสินค้าประเภทรักษ์สุขภาพ (Heath Care) ประกอบด้วย น้ำยาบ้วนปากฆ่าเชื้อ Covid19 ประเภท PRINTEMP MARIE ROSE สบู่ล้างมือ อาหารเสริม Lactobacillus ใน PROVITA ช่วยย่อยอาหาร สร้างภูมิคุ้มกัน และ PRO150 เครื่องดื่มชูกำลัง น้ำยาล้างผัก Clean Fresh ฆ่าเชื้อโรค น้ำยาขจัดคราบน้ำมัน และน้ำยาฉีดป้องกัน Covid19 ทำให้พนักงานและครอบครัวรวมทั้งลูกค้าหลายแสนคนปราศจากโรค Covid19 ทำให้ยอดขายดีขึ้น และผลกำไรสูงขึ้น นอกจากนี้ บริษัทมีความสามารถในการแข่งขัน โดยได้ดำเนินธุรกิจปูนซีเมนต์ที่ครบวงจรในแนวดิ่ง (Vertical Integration) พร้อมกันนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ ที่หลากหลาย อาทิ ปูนซีเมนต์ คอนกรีต ไฟเบอร์ซีเมนต์กันไฟ และลอยน้ำได้ กระเบื้องคอนกรีต คอนกรีตมวลเบา และปูนสำเร็จรูป DIY นานาชนิด อีกทั้งยังสามารถครองตำแหน่งผู้นำในตลาดเม็ดพลาสติก EVA เพื่อทำ Solar Cell ในระดับชั้นนำของโลกมีกำลังการผลิตขนาด 158,000 ตันต่อปี ซึ่งโรงงานผลิตเม็ดพลาสติกของ TPIPL เป็นส่วนหนึ่งของโครงการปิโตรเลียมครบวงจรขนาดใหญ่ในจังหวัดระยองทำให้สามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดภายในประเทศของเม็ดพลาสติก และตลาดต่างประเทศได้ นอกจากนี้ มีรายได้จากผลิตภัณฑ์ EVA ในธุรกิจพลาสติกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 90% ของรายได้ของเม็ดพลาสติกทั้งหมด ประกอบกับบริษัทมีแผนจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ EVA ที่มีคุณภาพสูงขึ้นเพื่อเพิ่มผลกำไรในอนาคตอีกด้วย อีกทั้งผลิตภัณฑ์กาวน้ำ และกาวแห้ง ก็เป็นผลิตภัณฑ์อันดับต้นๆ ของโลก ซึ่งทำรายได้ที่ดีให้กับบริษัทฯ
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS