SAPPEตั้งเป้าปี 64เติบโต10%ส่วนปี63กำไรสุทธิ385.9 ล้าน

SAPPE เผยปี64ตั้งเป้าโต 10% เดินหน้ากระจายผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางออนไลน์และร้านค้าเทรดดิชั่นนอลเทรด ส่วนปี 2563 มีกำไรสุทธิ 385.9 ล้านบาท

นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE เปิดเผยว่า ในปี 2564 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 10% คาดว่าสถานการณ์ในประเทศจะผ่อนคลายลงหลังประเทศไทยได้รับวัคซีนและทั่วโลกทยอยฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น ทำให้กำลังซื้อในไทยและต่างประเทศฟื้นตัว โดยในอนาคตเราจะเห็นความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งจะช่วยให้บริษัทฯ สามารถขยายฐานลูกค้าได้กว้างขึ้น นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการนำสารสกัดจากกัญชง ซึ่งเป็นสารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพจากธรรมชาติ (Natural Functional Ingredients) ผสมในเครื่องดื่มหรือขนมขบเคี้ยว เพื่อสร้างสีสันใหม่ให้กับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2563 บริษัทมีกำไรสุทธิ 86.7 ล้านบาท เติบโต 73.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 49.9 ล้านบาท และมีรายได้รวม 813.8 ล้านบาท ใกล้เคียงกันกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 818.9 ล้านบาท โดยเป็นผลจากการมุ่งเน้นเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมต้นทุนการผลิตและควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการขายและการตลาด นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับผลดีจากการลดภาษีนวัตกรรมในครึ่งปีหลังของปี 2563 อีกด้วย

ขณะที่ผลการดำเนินงานปี 2563 บริษัทมีรายได้รวม 3,320.9 ล้านบาท จะลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนหน้า ที่มีรายได้รวม 3,386.86 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 385.9 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า ที่มีกำไรสุทธิ 402.7 ล้านบาท ซึ่งถือว่าบริษัทสามารถรักษาผลกำไรให้อยู่ในระดับเดียวกับปี 2562 แม้ต้องเผชิญกับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่มีผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลก โดยมีปัจจัยบวกตอบรับเทรนด์อาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่เติบโตสวนกระแส หลังพฤติกรรมของกลุ่มผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้เครื่องดื่มเซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์ ขึ้นครองส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ในกลุ่ม Casual Healthy Drinks รวมถึงการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับกำลังซื้อของผู้บริโภค

นอกจากนี้ในช่วงที่ผ่านมาได้เน้นรูปแบบ Go Mass ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้เร่งขยายช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ และ ร้านค้าแบบดั้งเดิม (เทรดดิชั่นนอลเทรด) สามารถกระจายสินค้า กว่า 80,000 ร้านค้าทั่วประเทศ ซึ่งนับได้ว่าเป็นการกระจายสินค้าได้มากที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ ทำให้เข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุม