DRTกำไรปี63ได้557ล้านจ่ายเงินปันผลอีก 0.22 บาทต่อหุ้น

DRTเผยปี 2563 มีกำไร 557 ล้านบาท บอร์ดมีมติจ่ายปันผลอีก 0.22 บาทต่อหุ้นรวมทั้งปี 0.42 บาท สูงสุดรอบ 5 ปี เดินหน้ารุกตลาดเต็มสูบ รับไลน์การผลิต NT-11 ปี64หวังโต5%

นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 2563 บริษัท มีรายได้รวม 4,409 ล้านบาท ชะลอตัวลงจากปัจจัยลบการแพร่ระบาดโรค COVID-19 ในประเทศไทย ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและเศรษฐกิจของประเทศชะลอตัว แต่ด้วยจุดแข็งการดำเนินธุรกิจของ DRT ที่มีผลิตภัณฑ์และช่องทางการจัดจำหน่ายหลากหลาย ทำให้สามารถบริหารความเสี่ยงเและปรับตัวให้สอดรับภาวะอุตสาหกรรม และพฤติกรรมการซื้อสินค้าของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง โดยช่องทางจำหน่ายหลัก ได้แก่ ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายรายย่อย ทำสัดส่วนการขายเพิ่มขึ้นเป็น 57% จากเดิมอยู่ที่ 50% ของยอดขายรวม

ขณะเดียวกัน บริษัท ยังประสบความสำเร็จกับการบริหาร Product Mix ที่สามารถผลักดันอัตราการทำกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 29.05% สูงกว่าเกณ์เฉลี่ยเดิมที่วางไว้ 25-27% เป็นผลให้มีกำไรก่อนหักค่าใช้จ่าย ดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBITDA) อยู่ที่ 950 ล้านบาท และมีกำไรจากการดำเนินงาน (ไม่รวมรายการพิเศษที่เกิดจากการขายที่ดินที่ไม่ใช้ประโยชน์) อยู่ที่ 547 ล้านบาท โดยหากรวมกำไรพิเศษจะมีกำไรสุทธิทั้งปี 557 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

นอกจากนี้คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติจ่ายเงินปันผล จากผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีหลัง 2563 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2563) ในอัตรา 0.22 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 9 มีนาคม 2564 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ และหากรวมกับการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล จากผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรก 2563 (มกราคม – มิถุนายน 2563) ในอัตรา 0.20 บาทต่อหุ้น บริษัทฯ จะจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นจากผลการดำเนินงานในปี 2563 ในอัตรารวม 0.42 บาทต่อหุ้น ซึ่งถือเป็นการจ่ายเงินปันผลสูงสุดในรอบ 5 ปี

ส่วนการดำเนินงานในปีนี้ตั้งเป้าหมายเติบโต 5% หลังเริ่มเดินเครื่องจักร NT-11 เชิงพาณิชย์อีก 55,000 ตัน ที่เข้ามาช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในไลน์การผลิตสินค้าทดแทนไม้และการบริหารจัดการด้านต้นทุน รวมถึงขีดความสามารถด้านการแข่งขันที่ดีขึ้น โดยไลน์การผลิตดังกล่าว DRT สามารถผลิตสินค้าที่มีความหลากหลายด้านขนาดผลิตภัณฑ์ตอบสนองความผู้บริโภค รวมถึงเพิ่มโอกาสการขายสินค้าในจังหวะที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้กลับมาฟื้นตัวดีขึ้น