การโจมตีแบบคามิคาเซะ (Kamikaze) ของญี่ปุ่น

การโจมตีครั้งแรกของฝูงบินคามิคาเซะ (Kamikaze) ที่เชื่อถือได้จากรายงานโดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสัมพันธมิตร ซึ่งเป็นที่ยอมรับของหลายๆ ฝ่าย คือ การโจมตีเรือลาดตระเวนหนักของออสเตรเลีย ชื่อ HMAS Australia เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2487

เครื่องบินญี่ปุ่นลำนี้บรรทุกระเบิดหนัก 200 กิโลกรัม พุ่งเข้าชนส่วนโครงสร้างเหนือดาดฟ้าใหญ่ของเรือกลางทะเล นอกเกาะเลย์เต (Leyte) ประเทศฟิลิปปินส์ ทำให้มีคนเสียชีวิตบนเรืออย่างน้อย 30 นาย แต่โชคดีที่ระเบิดหนัก 200 กิโลกรัมที่ติดมากับเครื่องบินไม่เกิดการระเบิด

การโจมตีครั้งนี้ไม่ได้มาจากเครื่องบินคามิคาเซะของหน่วยโจมตีพิเศษ (Special Attack Unit) ภายใต้การนำของ นาวาโท อะไซกิ ทาไม แต่เป็นการปฏิบัติการของนักบินญี่ปุ่นไม่ทราบนาม

คามิคาเซะ (Kamikaze) คืออะไร

คามิคาเซะ (Kamikaze) หรือเรียกอย่างเป็นทางการว่า กองกำลังจู่โจมพิเศษ เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การรบของญี่ปุ่นที่น่าหวั่นกลัวมากในแถบมหาสมุทรแปซิฟิกช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

คำว่า คามิคาเซะ มาจากคำสองคำต่อกัน คือ kami หมายถึง พระเจ้า (god) และ kaze หมายถึง ลม (wind) รวมกันมีความหมายว่า ลมแห่งสวรรค์ ตามตำนานว่า ในปีพ.ศ. 1842 มีพายุไต้ฝุ่นลูกหนึ่งได้ขับไล่กองทัพเรือจำนวน 4,500 ลำของจักรพรรดิ กุบไลข่าน ชาวญี่ปุ่นเป็นหนี้บุญคุณพายุไต้ฝุ่นลูกนี้จึงได้ตั้งชื่อพายุลูกนี้ว่า "คามิคาเซะ" แปลว่า "พายุเทพเจ้า"

กลุ่มนักบินพลีชีพคามิคาเซะกลุ่มแรกของญี่ปุ่นมีนักบินอาสาสมัคร 24 นายของนาวาโท อะไซกิ ทาไม อาจารย์สอนการบินทหารเรือ พร้อมกับมี 4 หน่วยย่อยที่เป็นพันธมิตรกัน คือ หน่วยชิกิชิมา (Shikishima – เกาะญี่ปุ่น) หน่วยยามาโตะ (Yamato - นามญี่ปุ่นในตำนาน) หน่วยอาซาฮี (Asahi - อาทิตย์ยามรุ่งอรุณ) และหน่วยยามาซากุระ (Yamazakura - ดอกซากุระภูเขา) ซึ่งชื่อของหน่วยเหล่านี้นำมาจากบทกวีของญี่ปุ่นสมัยเอโดะที่เขียนโดยโมโตโอริ โนรินากะ (Motoori Norinaga)

ฝูงบินคามิคาเซะ ส่วนใหญ่จะเป็นทหารอาสาสมัครที่มีอายุประมาณ 17-20 ปีเท่านั้น ทหารเหล่านี้ไม่กลัวตาย เพราะพวกเขาถูกปลูกฝังมาในวิถีแห่งนับรบ (Bushido) ความจงรักภักดีต่อองค์จักรพรรดิและการเสียสละเพื่อชาติที่จะนำพาเกียรติยศสู่วงศ์ตระกูล

เป้าหมายของฝูงบินคามิคาเซะจะอยู่ที่การโจมตีเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐอเมริกาเพื่อตัดกำลังทางทหาร เนื่องจากในตอนนั้นญี่ปุ่นรู้ดีว่าไม่สามารถเอาชนะอเมริกาได้ เพราะว่าไม่มียุทธภัณฑ์ที่จะนำมาต้านอเมริกา จะมีก็แต่กำลังพล ชีวิตทหารกับเครื่องบินที่บรรทุกระเบิดพร้อมกับเชื้อเพลิงที่จำกัด พอเอาไว้บังคับให้พุ่งชนกับเรือรบอเมริกา 1 ลำ นับว่าเป็นการใช้ทรัพยากรที่น้อยและคุ้มค่า

อย่างในช่วงยุทธการโอกินาว่าที่รบกันอย่างดุเดือดตลอด 82 วัน ญี่ปุ่นใช้กลยุทธ์เครื่องบินพลีชีพคามิคาเซะ ทำลายกองทัพเรือสหรัฐฯ ทำให้มีคนเสียชีวิตเกือบ 5,000 คนในการโจมตีครั้งเดียว และมีข้อมูลว่าตลอดช่วงสงคราม ฝูงบินคามิคาเซะจมเรือรบไป 34 ลำ และอีกนับร้อยลำได้รับความเสียหาย

แต่ในเหล่านักบินพลีชีพก็ไม่ได้มีใครเต็มใจอยากจะเอาชีวิตตัวเองไปตาย แต่ด้วยในช่วงนั้นญี่ปุ่นเป็นชนชาติที่มีความเป็นชาตินิยมสูงมาก มีความจงรักภักดีต่อองค์จักรพรรดิและพร้อมจะเสียสละเพื่อชาติ หากใครไม่สมัครใจเข้าร่วมในภารกิจก็จะถูก ดูแคลนจากหมู่เพื่อนว่าไม่ยอบรับใช้ชาติ และความกดดันนี้เองก็แทบไม่มีใครปฏิเสธที่จะเข้าร่วมภารกิจพลีชีพนี้เลย

หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองยุติลง ญี่ปุ่นได้เปลี่ยนเป็นประเทศอุตสาหกรรม จนกลับมาเป็นประเทศมหาอำนาจอีกครั้ง ไม่ใช่มหาอำนาจทางทหาร แต่เป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกมาจนถึงปัจจุบัน

ขอขอบคุณข้อมูล

https://th.wikipedia.org/wiki/คะมิกะเซะ

http://www.gypzyworld.com/article/view/377


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment