{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
นายวิชาญ วิริยะภูษิต ประธานผู้บริหารสายงานการเงิน บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 2 ของปี 2568 แสนสิริมีการดำเนินงานที่เติบโตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) จากการโอนที่ดีขึ้นทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม รวมถึงตลาด Premium และ Medium ยอดโอนกลับมาดีขึ้น ส่วนตลาด Affordable ยังรักษายอดโอนได้ดี ส่งผลให้ไตรมาส 2 มีรายได้รวมอยู่ที่ 8,786 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% QoQ และครึ่งปีทำรายได้รวมที่ 15,678 ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิไตรมาส 2 อยู่ที่ 1,214 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49% QoQ และครึ่งปีมีกำไรสุทธิ 2,028 ล้านบาท โดยสามารถสร้างยอดขายรวมได้ถึง 26,000 ล้านบาท นับเป็นผลงานที่แข็งแกร่งท่ามกลางตลาดที่ท้าทาย
ความสำเร็จนี้มาจากกลยุทธ์การบริหารพอร์ตสินค้าพร้อมขายอย่างมีประสิทธิภาพ และปัจจัยสนับสนุนจากโครงการคอนโดมิเนียมที่ภูเก็ต 2 โครงการส่งมอบตามกำหนด สร้างรายได้ทันที ได้แก่ เดอะ เบส ไรส์ และเดอะ เบส บูกิต ด้านแนวราบมาจากเดมี พระราม 9-เหม่งจ๋าย ที่ Sold Out ก่อนวันพรีเซล สะท้อนความเชื่อมั่นในแบรนด์แสนสิริ และยังสามารถ Sold Out โครงการไปแล้วถึง 13 โครงการ มูลค่ากว่า 15,500 ล้านบาท
นอกจากผลประกอบการที่โดดเด่น แสนสิริยังตอกย้ำสถานะความมั่นคงด้วยการเป็น 1 ใน 30 หุ้น SETHD (SET High Dividend 30 Index) หุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง มีผลตอบแทนจากเงินปันผลที่โดดเด่นและสม่ำเสมอ (SIRI มี Dividend Yield เฉลี่ยกว่า 8% ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา) โดยล่าสุด คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผล จากผลการดำเนินงานงวดวันที่ 1 มกราคม – 30 มิถุนายน 2568 ในอัตรา 0.05 บาทต่อหุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 28 สิงหาคม 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 11 กันยายน 2568 หากรวมกับรอบก่อนหน้าที่จ่ายปันผลแล้วที่ 0.08 บาทต่อหุ้น เท่ากับปีนี้ทั้งปีจ่ายปันผล 0.13 บาท คิดเป็น Dividend Yield ที่ 8.6% จากราคาปัจจุบัน การจ่ายเงินปันผลในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงปัจจัยพื้นฐานและผลประกอบการที่ดีของแสนสิริ
นายวิชาญ กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 1.75% เป็น 1.50% ต่อปี โดยให้มีผลทันทีนั้น มองว่าเป็นการส่งสัญญาณให้เห็นว่า กนง. พร้อมใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากขึ้น เป็นเซนติเมนต์เชิงบวก ที่จะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อ เนื่องจากผู้บริโภคจะมีภาระการผ่อนชำระที่ลดลงและเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น ในขณะที่ผู้ประกอบการเองก็จะมีต้นทุนทางการเงินที่ลดลง ซึ่งจะส่งผลให้ภาพรวมตลาดอสังหาฯ กลับมาคึกคักได้
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS