คมนาคมสั่งทุกหน่วยงานเร่งโปรเจกต์สำคัญ เบิกจ่ายให้เข้าเป้า

"สุริยะ" สั่งทุกหน่วยงานเดินหน้าโปรเจกต์สำคัญ เผยยอดเบิกจ่ายสะสมยังคงใกล้เคียงแผน สั่งการ ทล.-ทช. เข้าติดตามทุกโครงการหวังให้เบิกจ่ายเป็นไปตามเป้า พร้อมมอบ รฟม. เข้าเจรจาเอกชน เพื่อแก้ไขสัญญาสัมปทาน มั่นใจประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ภายในวันนี้ (13 กุมภาพันธ์ 2568) ได้ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและติดตามผลการดำเนินงานโครงการสำคัญตามนโยบาย เพื่อติดตามความคืบหน้าของโครงการขนส่งทางบก ทางราง และการบริหารงบประมาณ เพื่อมุ่งหวังเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม เพื่อโอกาสของประเทศให้สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง และเพื่อโอกาสของประชน ที่จะได้ใช้โครงสร้างพื้นฐานอย่างครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่

โดยภาพรวมการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2568 ณ สิ้นเดือนมกราคม 2568 วงเงินรวมทั้งสิ้น 244,576.97 ล้านบาท โดยขณะนี้กระทรวงคมนาคม ได้เบิกจ่ายสะสมแล้วรวม 39,857.94 ล้านบาท หรือ 16.30% ใกล้เคียงเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ได้ตั้งเป้าการเบิกจ่ายสะสมที่ 53,018.31 หรือ 21.68% ขณะที่ผลการเบิกจ่ายด้านการลงทุน ณ สิ้นเดือน ม.ค. 2568 อยู่ที่ 28,081.82 ล้านบาท หรือ 13.23% ใกล้เคียงกับแผนที่ตั้งไว้ ส่วนเดือน กุมภาพันธ์ 2568 ตั้งเป้าการเบิกสะสมไว้ที่ 38,391.62 หรือ 21.68%

ทั้งนี้ตามนโยบายของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ต้องเร่งการเบิกจ่ายให้ได้ตามเป้าเพื่อใช้สำหรับการลงทุนดำเนินการด้านโครงสร้างพื้นฐาน จึงได้สั่งการให้ กรมทางหลวง (ทล.) และ กรมทางหลวงชนบท (ทช.) รวมถึงทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าติดตามทุกโครงการอย่างใกล้ชิด เพื่อตรวจสอบทุกการดำเนินงานในทุกโครงการ เพื่อให้การเบิกจ่ายเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ โดยในภาพรวมของการเบิกจ่ายงบลงทุนปีงบประมาณ 2568 ที่สำนักงบประมาณอนุมัติเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ล่าสุดยังต่ำกว่าแผน ล่าสุดรวมทุกกระทรวง ยังต่ำกว่าแผนประมาณ 50,000 ล้านบาท

แต่ในส่วนของผลการเบิกจ่ายงบลงทุนรัฐวิสาหกิจปี 2568 ที่มียอดรวมทั้งสิ้น 89,755.88 ล้านบาท ณ สิ้นเดือน ม.ค. 2568 มียอดเบิกจ่ายสะสมรวม 28,429.72 ล้านบาท หรือ 31.67% ดีกว่าแผนที่ตั้งไว้ ที่ 26,671.28 ล้านบาท หรือ 29.72% โดยภายในเดือน กุมภาพันธ์ 2568 ตั้งเป้าการเบิกสะสมรวม 33,593.29 ล้านบาท หรือ 37.43%

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า สำหรับการประชุมครั้งนี้ได้ติดตามความคืบหน้าการขับเคลื่อนนโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดเส้นทาง โดยทาง รฟม. ได้รายงานว่า ได้จัดทําแผนการขับเคลื่อนนโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดเส้นทาง ในส่วนรถไฟฟ้าภายใต้การกํากับของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ซึ่งกระบวนการในการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนจะต้องดําเนินตามมาตรา 46-48 ของ พ.ร.บ. การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 โดยมีแผนดังนี้ 1. แผนการดําเนินงาน กรณีแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนโดยการแก้ไขสัญญามีหลักการแตกต่างจากหลักการและเงื่อนไขสําคัญของโครงการร่วมลงทุน 2. แผนการดําเนินงาน กรณีแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนโดยหลักการและเงื่อนไขสําคัญของโครงการร่วมลงทุนคงเดิม 3. แผนการดําเนินงานระบบตั๋วร่วม EMV ในรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและชมพู เพื่อพัฒนาระบบให้รองรับการใช้บัตร EMV Contactless ได้ในทุกประตูอัตโนมัติของทุกสถานี

โดยในส่วนของ แก้ไขสัญญาร่วมลงทุน กับเอกชนผู้ที่ได้รับสัปทาน ได้มอบหมายหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หารือร่วมกัน เพื่อหาข้อสรุปที่เหมาะสม โดยขณะนี้ กรมขนส่งทางราง (ขร.) ได้จัดทําข้อกําหนดทางธุรกิจ (Business Rule) เช่น เงื่อนไขการเดินทาง การคิดอัตราค่าโดยสาร การจัดแบ่งและชดเชยรายได้ และแหล่งเงินชดเชย เป็นต้น โดยระยะต่อไป ทาง รฟม. จะเข้าเจรจากับภาคเอกชนที่ได้รับสัมปทาน เพื่อแก้ไขสัญญาสัมปทานต่อไป หลังจากนั้นจะเสนอคณะกรรมการ รฟม. พิจารณา และภายในเดือนสิงหาคม 2568 จะเสนอเข้า ครม. เพื่อพิจารณาเห็นชอบ หลังจากนั้น รฟม. จะดำเนินการลงนามแก้ไขสัญญาฯ ดังนั้นกระบวนการต่างๆ จะแล้วเสร็จทั้งหมด ก่อนที่มาตรการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย จะเริ่มภายในช่วงเดือนกันยายน 2568 เพื่อปะรโยชน์สูงสุดของประชาชน


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment