AWC ปิดปี 66 นิวไฮ 5 ด้าน ปี 67 ทุ่ม 3.6 หมื่นล้านลงทุน ลุยสร้างการเติบโตก้าวกระโดดอย่างยั่งยืน

แอสเสท เวิรด์ คอร์ป หรือ AWC กำไรสุทธิเติบโตก้าวกระโดด 5,105 ล้านบาท และกำไรจากการดำเนินงานกลุ่มธุรกิจ (BU EBITDA) 10,639 ล้าน ในปี 2567 แผนสร้างมูลค่าทรัพย์สินกว่า 36,000 ล้านบาท ตั้งเป้าพอร์ตทรัพย์สินโตกว่าสองเท่า ด้วยงบลงทุนกว่า 126,000 ล้านบาทภายใน 5 ปี

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เผยผลประกอบการ ปี 2566 สุดแข็งแกร่งด้วยรายได้รวมทั้งปีอยู่ที่ 19,011 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.9 เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน (YoY) และเหนือกว่าก่อนสถานการณ์โควิด-19 ในปี 2562 รวมถึงมีผลการดำเนินงานที่ทำนิวไฮสูงสุดใน 5 ด้าน ด้วย 1) กำไรสุทธิเติบโตก้าวกระโดดถึง 5,105 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.2 (YoY) รวมถึง 2) มีกำไรจากการดำเนินงานกลุ่มธุรกิจ (BU EBITDA) สูงถึง 10,639 ล้านบาท ตามงบการเงินซึ่งรวมมูลค่ายุติธรรม เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.6 เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน (YoY) โดยยังคงสามารถรักษาอัตราการเติบโตของกำไรจากการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจตามงบการเงินได้อย่างสม่ำเสมอเฉลี่ยสี่ปีย้อนหลัง (2563-2566) อยู่ที่ร้อยละ 74 ต่อปี สะท้อนผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งด้วยความสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพและกลยุทธ์การลงทุนที่หลากหลายสร้างสมดุลเชิงธุรกิจ (Balanced and Diversified Portfolio) โดยกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการสามารถทำผลงานได้อย่างโดดเด่น ด้วยความสามารถในการสร้าง

3) รายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) เติบโตสูงสุดที่ 3,658 บาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 54.8 และ 4) มีรายได้เฉลี่ยต่อวัน (Average Daily Rate: ADR) เท่ากับ 5,661 บาทต่อคืน เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.4 เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน (YoY) และ 5) ปี 2566 เป็นปีที่บริษัทฯ ได้สร้างการเติบโตของมูลค่าทรัพย์สินกว่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งประกอบไปด้วยทรัพย์สินดำเนินงานใหม่ประมาณ 6,000 ล้านบาท และโครงการลงทุนที่ได้รับอนุมัติกว่า 14,000 ล้านบาท โดยเป็นทรัพย์สินดำเนินงานใหม่ 9 โครงการ ประกอบไปด้วยโรงแรม 3 แห่ง และห้องอาหาร 6 แห่ง เพื่อสร้างกระแสเงินสดและเพิ่มศักยภาพในการสร้างกำไรจากการดำเนินงานอย่างยั่งยืน และทรัพย์สินที่ได้รับการอนุมัติให้ลงทุน อาทิ การลงทุนในโรงแรมพลาซ่า แอทธินี นิวยอร์ก รวมมูลค่าพอร์ตทรัพย์สินทั้งหมดอยู่ที่ 146,799 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 52 เมื่อเทียบกับก่อนสถานการณ์โควิด-19 ในปี 2562 โดยคิดเป็นมูลค่าทรัพย์สินดำเนินงานอยู่ที่ 108,202 ล้านบาท

ทั้งนี้ AWC ยังคงเดินหน้าตามกลยุทธ์การเติบโต (GROWTH-LED Strategy) เพื่อร่วมสร้างจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่โดดเด่น สนับสนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวยั่งยืนของไทยอย่างต่อเนื่อง ตามแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี ของบริษัทฯ ด้วยงบประมาณการลงทุนรวมกว่า 126,000 ล้านบาท โดยมีความสามารถในการจัดหาเงินทุน (Debt Capacity) ที่แข็งแกร่งพร้อมสนับสนุนการลงทุนของทางบริษัทฯ ได้โดยไม่ต้องทำการเพิ่มทุนจากผู้ถือหุ้น เพื่อเร่งขยายพอร์ททรัพย์สินคุณภาพเพิ่มขึ้นอีกกว่า 2 เท่าตัวภายในระยะเวลา 5 ปี

โดยในปี 2567 ทางบริษัทฯ มีแผนสร้างมูลค่าทรัพย์สินกว่า 36,000 ล้านบาท ซึ่งประกอบไปด้วยการเปิดโครงการใหม่ 18 โครงการ มูลค่ากว่า 19,000 ล้านบาท และมีโครงการอยู่ระหว่างการขออนุมัติการลงทุนอีกกว่า 17,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนกลยุทธ์การเติบโต (GROWTH-LED Strategy) โดยมีโครงการสำคัญของกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ อาทิ โรงแรม แฟร์มอนท์ แบงคอก สุขุมวิท โรงแรมพัทยา แมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปา และโรงแรมระดับลักซ์ชูรี ไลฟ์สไตล์ ในพัทยา รวมถึงการเปิดตัว “The Journey of A River ” by The Okura Prestige Bangkok ที่จะมาร่วมสร้างประสบการณ์ใหม่ของการรับประทานอาหารอันมีเอกลักษณ์บนสายน้ำเจ้าพระยาเชื่อมต่อประสบการณ์ภายใต้แนวคิด “The Journey of A River” รวมถึงมีโครงการสำคัญของกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ด้วย

“ล่าสุด AWC ได้เริ่มเดินหน้าตามกลยุทธ์การเติบโตในปี 2567 เพื่อสร้างการเติบโตของทรัพย์สินผ่าน 3 โครงการใหญ่ โดยคณะกรรมการบริษัทเห็นชอบให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติ เพื่อเข้าลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์คุณภาพบนพื้นที่ระดับไพรม์โลเคชั่นใน 2 จุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวสำคัญของกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ ประกอบไปด้วยการเข้าลงทุนในโครงการโอพี การ์เด้น ย่านบางรัก เพื่อเชื่อมกับโครงการแฟลกชิป โรงแรม เดอะ พลาซ่า แอทธินี โนบุ โฮเทล แอนด์ สปา แบงคอก ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ส่งเสริมจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวริมสายน้ำ คาดว่าจะเปิดดำเนินการประมาณไตรมาสที่ 4 ปี 2570 และโครงการโรงแรมในพื้นที่ถนนสุขุมวิท 38 ซึ่งเป็นย่านไลฟ์สไตล์สุดเทรนดี้ของกรุงเทพฯ เพื่อพัฒนาโครงการโรงแรมด้านเวลเนส คาดว่าจะเปิดดำเนินการประมาณไตรมาสที่ 3 ในปี 2571 รวมถึงการเข้าลงทุนเพิ่มในพื้นที่ช้างคลานใจกลางจังหวัดเชียงใหม่ ที่จะได้รับการพัฒนาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “Lannatique Destination” ระดับเมกะโปรเจคในอนาคตของทางบริษัทฯ เพื่อร่วมสร้างคุณค่าและสนับสนุนจังหวัดเชียงใหม่เป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก รวมมูลค่าการลงทุนและเข้าพัฒนาโครงการทั้งในกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ที่จะนำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้น และเมื่อรวมกับโครงการที่จะเปิดดำเนินงานในปีนี้จะเป็นมูลค่าการลงทุนกว่า 36,000 ล้านบาท” นางวัลลภา กล่าวเสริม


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment