ALT โชว์ผลงานงวดปี 66 ฟื้นตัวกำไรสุทธิ 22 ล้านบาท

เอแอลที เทเลคอม โชว์ผลงานงวดปี 2566 กวาดรายได้รวมกว่า 1,466 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 27.7% อานิสงค์รายได้จากธุรกิจสมาร์ทมิเตอร์และธุรกิจติดตั้งแผงโซล่าร์รูฟท็อปรุ่ง ขณะที่ธุรกิจบริการโครงข่ายยังเติบโตต่อเนื่อง ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 22 ล้านบาทจากงวดเดียวกันปีก่อนขาดทุน 107 ล้านบาท ขณะที่มีงานรอรับรู้รายได้ในมือ 3,720 ล้านบาท

นายสมบุญ เศรษฐ์สันติพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการเงินและบัญชี บริษัทเอแอลที เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ALT เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทตามงบการเงินรวมประจำปี 2566 เทียบกับงวดปี 2565 บริษัทมีรายได้รวม 1,466.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 1,148.27 ล้านบาท โดยรายได้ปรับเพิ่มขึ้น มาจากรายได้การขายสินค้า 508.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 429.8% เป็นผลมาจากการจำหน่ายมิเตอร์อิเล็กทรอนิกส์และแผงโซล่าร์เซลส์ รวมทั้งรายได้จากการให้บริการโครงข่ายซึ่งเป็นรายได้ประจำปรับเพิ่มขึ้น 32.3% เป็น 614.77 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้บริการติดตั้งวางระบบ 342.78 ล้านบาท ลดลง 41.7%

ผลการดำเนินงานงวดปี 2566 บริษัทมีกำไรขั้นต้น 220.86 ล้านบาท เติบโต 9.3% จากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าซึ่งมีกำไรขั้นต้น 202.04 ล้านบาท และหากพิจารณากำไรขั้นต้นแยกตามกลุ่มธุรกิจ ปี 2566 กำไรขั้นต้นของกลุ่มธุรกิจขายสินค้าและให้บริการโครงข่ายเพิ่มขึ้น 354.1% และ 47.0% ตามลำดับ

“จากผลการดำเนินงานงวดปี 2566 ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 21.99 ล้านบาท เทียบกับงวดปี 2565 ที่ผลการดำเนินงานขาดทุนสิทธิ 107.88 ล้านบาท เนื่องจากในปี 2565 มีการตั้งสำรองผลขาดทุนจากการด้อยค่าทรัพย์สิน 97.61 ล้านบาท โดย ณ สิ้นปี 2566 บริษัทมีงานในมือ (Backlog) จำนวน 3,720 ล้านบาท”นายสมบุญกล่าว

นายสมบุญยังกล่าวถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคม โครงข่ายไฟเบอร์ใยแก้วนำแสง ที่บริษัทได้ลงทุนวางโครงข่ายหลัก (Backbone Network) ครอบคลุมพื้นที่ทั่วทั้งประเทศ รวมถึงมีการสร้างสถานีฐานเพื่อเชื่อมต่อกับโครงข่ายของผู้ประกอบการในประเทศเพื่อนบ้าน ทั้ง เมียนมาร์ ลาว กัมพูชา และมาเลเซีย ลงทุนผ่านกิจการร่วมค้า คือบริษัท สมาร์ท อินฟราเนท จำกัด (SIC) และ บริษัท อินฟอร์เมชั่น ไฮเวย์ จำกัด (IH) เพื่อให้บริการลูกค้าภายในประเทศ และ บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เกทเวย์ จำกัด (IGC) ให้บริการลูกค้าต่างประเทศ รวมถึงลงทุนผ่าน บริษัทร่วมคือ เมียนมาร์ อินฟอร์เมชั่น จำกัด (MIH) ให้บริการอินเทอร์เน็ตแก่ลูกค้าในเมืองย่างกุ้ง

นอกเหนือจากโครงการลงทุนสถานีชายฝั่งเชื่อมต่อโครงข่ายใต้ทะเลที่จังหวัดสตูลที่ได้ส่งมอบให้กับลูกค้าไปแล้ว บริษัทยังมีแผนจะขยายโครงข่ายเพื่อเชื่อมต่อสถานีชายฝั่งจากฝั่งตะวันตกที่จังหวัดสตูลไปถึงชายฝั่งด้านตะวันออกในจังหวัดสงขลา ในลักษณะ Data Land Bridge ของประเทศเพื่อรองรับการให้บริการแก่ลูกค้า OTT ต่างประเทศที่มีความต้องการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย

ส่วนของธุรกิจพลังงานอัจฉริยะ บริษัทได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ทั้งการจำหน่ายและติดตั้งแผงโซล่าร์เซลล์บนหลังคาหรือ โซล่าร์รูฟท็อป รวมทั้งเป็นผู้ลงทุนและติดตั้งแผงโซล่าร์เซลล์ให้กับลูกค้าแบบ Private PPA ส่งผลให้สิ้นปี 2566 บริษัทได้เข้าทำสัญญา กับลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน รวมกันกว่า 30 สัญญา กำลังการผลิตรวม 17 MWh มูลค่าเงินลงทุนราว 400 ล้านบาท มูลค่ารายได้รวมตลอดอายุสัญญากว่า 900 ล้านบาท ซึ่งสามารถสร้างกระแสเงินสดรับให้กับบริษัทราว 60 ล้านบาทต่อปี

ในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานด้านกิจการไฟฟ้า บริษัทได้มีส่วนร่วมโดยตรง โดยเป็นผู้ชนะการประมูลการวางระบบเครือข่ายการจ่ายกระแสไฟฟ้า สมาร์ทกริด ให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค พร้อมกับติดตั้งสมาร์ทมิเตอร์จำนวน 120,000 มิเตอร์ ในพื้นที่พัทยา จังหวัดชลบุรี อันเป็นโครงการนำร่องแห่งของประเทศไทย โดยบริษัทได้ดำเนินการแล้วเสร็จและส่งมอบงานไปแล้ว ซึ่งเป็นที่คาดหมายว่าโครงการพัฒนาโครงข่ายสมาร์ทกริดจะมีการขยายขนาดให้ครอบคลุมหัวเมืองสำคัญอื่นๆทั่วประเทศ

นอกจากนั้น ในปี 2566 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้มีโครงการเปลี่ยนมิเตอร์แบบจานหมุนเป็น อิเล็กทรอนิคมิเตอร์ โดยบริษัทได้ร่วมประมูลและชนะการประกวดได้รับงานจำหน่ายและติดตั้งอิเล็กทรอนิคมิเตอร์ ในเขตจังหวัดปทุมธานี สระบุรี ปราจีนบุรี เพชรบุรี สมุทรสงคราม จำนวนราว 300,000 มิเตอร์ มีแผนการส่งมอบภายในไตรมาส 2 ปี 2567


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment