รับมืออย่างไร เมื่อภาคเกษตรไทยเสียหายจากฟ้าฝนแปรปรวน

ในปีที่ผ่านมา ไทยต้องเผชิญกับทั้งวิกฤติภัยแล้งและน้ำท่วม ปี 2023 เป็นปีที่ไทยต้องเผชิญกับสภาวะอากาศที่แปรปรวนค่อนข้างรุนแรงเกือบตลอดทั้งปี โดยในช่วง ม.ค. - ส.ค. หลายภูมิภาคของไทยต้องเผชิญกับปริมาณฝนที่ต่ำกว่าปกติมาก จากอิทธิพลของเอลนีโญ ซึ่งแตกต่าง โดยสิ้นเชิงจากในช่วงสองเดือนถัดมา (ก.ย. - ต.ค.) ที่ปริมาณฝนกลับสูงกว่าปกติมาก จากอิทธิพลของร่องมรสุม ซึ่งช่วยหักล้างผลกระทบจากเอลนีโญ โดยการเกิดฝนในรูปแบบดังกล่าว ส่งผลให้ไทยต้องประสบปัญหาภัยแล้งรุนแรงในช่วงแรกของปี 2023 ก่อนจะต้องเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมในช่วงปลายปี

“ภัยแล้ง-น้ำท่วม” ฉุดภาคเกษตรเสียหายราว 5 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะในภาคกลาง

ภาคเกษตรมีความอ่อนไหวต่อปริมาณน้ำค่อนข้างมาก เนื่องจากปริมาณน้ำที่น้อย (แล้ง) หรือมาก (ท่วม) เกินไป จะกระทบต่อการเจริญเติบโตของพืชและส่งผลให้ผลผลิตทางการเกษตรปรับตัวลดลง โดย SCB EIC ประเมินว่า ปัญหา “ภัยแล้ง-น้ำท่วม” ที่เกิดขึ้นในปี 2023 จะสร้างความเสียหายต่อภาคเกษตรไม่ต่ำกว่า 51,700 ล้านบาท โดยความเสียหายจะเกิดขึ้นในปี 2023 ราว 19,300 ล้านบาท และในปี 2024 อีกราว 32,400 ล้านบาท โดยอ้อยเป็นสินค้าเกษตรที่จะต้องเผชิญกับมูลค่าความเสียหายสูงที่สุด ตามมาด้วยข้าวนาปรัง ข้าวนาปีและมันสำปะหลัง ส่วนผลกระทบในเชิงพื้นที่พบว่า พื้นที่ภาคกลางจะเผชิญกับความเสียหายสูงที่สุด ตามมาด้วยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้

ปัญหาฟ้าฝนแปรปรวนฉุดเศรษฐกิจไทย เพิ่มความเสี่ยงเงินเฟ้อเร่งตัว

ความเสียหายภาคเกษตรที่เกิดขึ้นในปี 2023 และต่อเนื่องมายังปีนี้ กระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยและเงินเฟ้อ โดย SCB EIC ประเมินว่าความเสียหายโดยตรงต่อภาคเกษตรไทย รวมถึงผลทางอ้อมผ่าน ความเชื่อมโยงของภาคเกษตรกับภาคส่วนอื่น ๆ ในระบบเศรษฐกิจ จะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในปี 2023 และ 2024 ขยายตัวลดลงรวม -0.34 percentag points (pp) เทียบกับกรณีที่ไม่เกิด “ภัยแล้ง-น้ำท่วม” แบ่งเป็น ความเสียหาย -0.13pp และ -0.21pp ในปี 2023 และ 2024 นอกจากปัญหาฟ้าฝนแปรปรวนจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจแล้ว ราคาสินค้าเกษตรที่ปรับสูงขึ้นยังเป็นหนึ่งในความเสี่ยงสำคัญกดดันเงินเฟ้อไทยในปี 2024 โดยเฉพาะราคาข้าวและน้ำตาล ซึ่ง SCB EIC ประเมินราคาข้าวและน้ำตาลที่เพิ่มขึ้นนี้จะทำให้เงินเฟ้อทั่วไปในปี 2024 เพิ่มขึ้นจากผลทางตรงและผลทางอ้อม (Second-round effect) ผ่านการปรับขึ้นราคาของสินค้าหมวดอาหารสำเร็จรูป (อาหารบริโภคในบ้านและนอกบ้าน) ราว 0.3pp

2 แนวทาง 3 กลไก เพื่อสร้างความมั่นคงด้านน้ำในภาคเกษตร

มูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจากปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วม สะท้อนให้เห็นถึงความรุนแรงของปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นจากภาวะโลกร้อน ซึ่งในปีนี้และในระยะต่อไปในอนาคต ไทยยังมีความเสี่ยงที่จะต้องเผชิญกับปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมอีก ดังนั้น การเตรียมการเพื่อรับมืออย่างทันท่วงทีจึงมีความจำเป็น SCB EIC เสนอ 2 แนวทาง พร้อม 3 กลไก ที่จะช่วยสร้างความมั่นคงด้านน้ำในภาคเกษตร ดังนี้ 1) แนวทางยกระดับประสิทธิภาพในการจัดการปริมาณน้ำ (Supply) ผ่านการเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำ (Water infrastructure) ต่าง ๆ โดยในระยะสั้นอาจเน้นลงทุนสร้างแหล่งกักเก็บน้ำขนาดเล็ก เช่น สระน้ำ ในขณะที่ในระยะยาวอาจพิจารณาลงทุนในแหล่งเก็บน้ำขนาดใหญ่ กลาง และระบบท่อส่งน้ำ และ 2) แนวทางยกระดับประสิทธิภาพการใช้น้ำ (Demand) ด้วยมาตรการรักษาความชื้นในดิน การปรับเปลี่ยนระบบการให้น้ำและกระบวนการเพาะปลูกพืช เช่น การเลื่อนเวลาการเพาะปลูกพืช ซึ่งสามารถดำเนินการได้ทันทีในระยะสั้น

การดำเนินการตาม 2 แนวทางดังกล่าวจะสำเร็จได้ จำเป็นต้องอาศัย 3 กลไกช่วยสนับสนุน ดังนี้ (1) กลไกเชิงนโยบาย เช่น การเร่งออกกฎหมายลูก พ.ร.บ. ทรัพยากรน้ำ การเพิ่มงบลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำ หรือการให้เงินทุนเพื่อการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีด้านน้ำ (Water tech) (2) กลไกทางการเงิน เช่น การเปิดโอกาสให้เกษตรกรเข้าถึงสินเชื่อเพื่อการบริหารจัดการน้ำ และการพัฒนาตลาดประกันภัยพืชผล และ (3) กลไกการใช้ประโยชน์จากข้อมูล ผ่านการเร่งนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยในการเก็บ เชื่อมโยงและวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อช่วยหาแนวทางในการบริหารจัดการน้ำที่เหมาะสม แม่นยำและมีประสิทธิภาพสูงสุด

แนวทางและกลไกดังกล่าว ต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วนทั้ง ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคมและเกษตรกร ซึ่งหากทุกภาคส่วนสามารถร่วมมือกันเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการจัดการน้ำได้ ก็จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ภาคเกษตรไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืน ท่ามกลางวิกฤติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่นับวันจะทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ผู้เขียนบทวิเคราะห์

ดร.เกียรติศักดิ์ คำสี นักวิเคราะห์อาวุโส

ดร.ปุณยวัจน์ ศรีสิงห์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส

บทวิเคราะห์โดย... https://www.scbeic.com/th/detail/product/water-security-230124


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment