แสนยานุภาพกองทัพจีน

1 สิงหาคมของทุกปีถือเป็นวันกองทัพจีน จัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงการสถาปนากองทัพปลดแอกประชาชนจีน (Chinese People's Liberation Army) ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2470 ซึ่งทุกปีจะมีการจัดงานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ มีการเดินสวนสนามแสดงแสนยานุภาพของกองทัพจีนให้ชาติตะวันตกและประชาคมโลกได้ประจักษ์ โดยในปีนี้ครบรอบ 91 ปีของการก่อตั้งกองทัพปลดแอกประชาชนจีน

กว่ามังกรจีนจะผงาดขึ้นมาแซงชาติมหาอำนาจในตะวันตกหลายชาติอย่างทุกวันนี้ จีนต้องผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาหลายทศวรรษ ทั้งสงคราม ความอดอยาก ประชาชนล้มตาย จนมาถึงยุคเติ้งเสี่ยวผิง ผู้นำจีนรุ่นที่ 2 ที่เริ่มพัฒนาประเทศโดยเน้นไปที่ด้านเศรษฐกิจก่อน ภายใต้นโยบาย 4 ทันสมัย คือ ทันสมัยด้านเกษตรกรรม อุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และการป้องกันประเทศ

เมื่อเข้าสู่ยุคของเจียง เจ๋อหมิน ผู้นำจีนรุ่นที่ 3 ขณะนั้นสหภาพโซเวียตล่มสลาย สหรัฐฯ ก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจโลก ผู้นำจีนกลัวว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยอย่างในอดีตที่เคยโดนชาติตะวันตกกดดัน จึงเริ่มทุ่มเทให้กับการพัฒนาศักยภาพกองทัพจีน โดยเริ่มซื้ออาวุธจากรัสเซียตั้งแต่ปี 2538 ทั้งเรือดำน้ำ เรือพิฆาตติดจรวดนำวิถี เครื่องบินประจัญบาน ระบบป้องกันภัยทางอากาศ ฯลฯ

หลังจากนั้นมา จีนเริ่มศึกษาอาวุธจากรัสเซีย และเริ่มพัฒนาอาวุธของตนเอง มีการวิจัยเทคโนโลยีใหม่ๆ กระทั่งสามารถผลิตอาวุธเองได้ เรียกได้ว่าเทคโนโลยีการทหารของจีนนั้นก้าวหน้าอย่างมาก มีทั้งขีปนาวุธพิสัยไกลพิเศษ เรือพิฆาตที่ต่อเองแบบ Type-055 เครื่องบินขับไล่ J-20 ซึ่งเป็นเครื่องบินรบรุ่นที่ห้า (Fifth Generation Fighter) ที่รวมเอาเทคโนโลยีทันสมัยต่างๆ ไว้ด้วยกัน เช่น ความเร็วเหนือเสียง ขีปนาวุธโจมตีจากอากาศสู่อากาศ และความสามารถในการอำพรางตัวหลบการตรวจจับของเรดาร์

นอกจากนี้ จีนยังพัฒนาอาวุธที่ใช้โจมตีทั้งทางบกและทางอากาศให้มีพิสัยไกลเหนือกว่าอาวุธของสหรัฐฯ รวมถึงปฏิรูปโครงสร้างระบบการบังคับบัญชากองทัพให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันจีนมีบุคลากรในกองทัพมากกว่า 2 ล้านคน

ในปี 2561 รายงานการประชุมประจำปีของรัฐสภาจีน ระบุว่า จีนได้จัดสรรงบประมาณสูงถึง 5.5 ล้านล้านบาท ในการมุ่งเน้นปรับปรุงกองทัพให้ทันสมัยเพื่อรักษาอำนาจอธิปไตย ความมั่นคงและการพัฒนาประเทศชาติ จนปัจจุบัน จีนก้าวขึ้นเป็นชาติที่ทุ่มงบพัฒนากองทัพเป็นอันดับหนึ่งของโลกแซงหน้ารัสเซียและอินเดีย

นักวิเคราะห์จากหลายสถาบัน รวมทั้งสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการศึกษาด้านยุทธศาสตร์ (IISS) ของกรุงลอนดอน มองว่า ปัจจุบันกองทัพจีนมีศักยภาพทัดเทียมกับกองทัพสหรัฐฯ แต่ก็ยังไม่สร้างความกังวลให้กับสหรัฐฯ มากกว่าการที่จีนกำลังขยายอิทธิพลในการเป็นผู้ส่งออกอาวุธรายใหญ่ของโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อสหรัฐฯ อย่างแน่นอน

เนื่องจากสหรัฐฯ ไม่ยอมขายอาวุธเทคโนโลยีขั้นสูงให้กับใคร นอกจากพันธมิตรอย่างฝรั่งเศสและอังกฤษ แต่จีนไม่มีข้อจำกัดเหล่านี้ จึงสามารถขายให้กับหลายประเทศทั่วโลก ที่สำคัญจีนยังคงพัฒนาศักยภาพทั้งในเชิงคุณภาพและปริมาณ มีโรงงานผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ทันสมัยหลายแห่ง รวมถึงการเสนอขายอาวุธคุณภาพดีในราคาต่ำกว่า 50% ทำให้ทุกวันนี้จีนกลายเป็นคู่แข่งในตลาดการค้าอาวุธที่สหรัฐฯ ต้องกลัว

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ของ IISS มองว่า ในส่วนของอาวุธยุทโธปกรณ์กองทัพบกจีนยังคงล้าหลังอยู่มาก เนื่องจากจีนมุ่งเน้นพัฒนากองทัพอากาศและกองทัพเรือมากกว่า แต่ภายในปี 2563 จีนตั้งเป้าไว้ว่าจะนำเครื่องจักรมาใช้วางรากฐานของกองทัพ พร้อมทั้งนำระบบไอทีมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดกับกองทัพจีน

ขอบคุณข้อมูล

https://www.thairath.co.th/content/1166418

https://www.bbc.com/thai/international-43054894

https://www.matichonweekly.com/hot-news/article_86164


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment