ASW รับรู้รายได้ 4 โครงการใหม่ใน Q4/66 มูลค่ารวมกว่า 6,400 ล้านบาท ปีหน้าลุยภูเก็ตต่อเนื่อง

แอสเซทไวส์ หรือ ASW ทยอยโอนกรรมสิทธิ์โครงการสร้างเสร็จใหม่อีก 4 โครงการในไตรมาส 4 ปี 2566 มูลค่าโครงการรวม 6,400 ล้านบาท ปี 67 วางแผนรุกตลาดที่อยู่อาศัยภูเก็ตอย่างต่อเนื่อง ภายหลังปิดการขายโครงการ “เดอะ ไทเทิล เลเจนดารี บางเทา” เฟสแรกได้ภายในวันเดียว

นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) (ASW) เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินงานในปีนี้ถือเป็นปีทองของบริษัทฯ เนื่องจากมีโครงการใหม่ที่ทยอยสร้างเสร็จเพื่อโอนกรรมสิทธิ์รวมทั้งสิ้นถึง 10 โครงการ มูลค่าโครงการวม 14,530 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นโครงการใหม่ที่กำหนดสร้างเสร็จและโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาส 4/2566 จำนวน 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 6,400 ล้านบาท ได้แก่ โครงการเคฟ โคโลนี (Kave Colony) ซึ่งมียอดขาย 100% มูลค่าโครงการกว่า 1,800 ล้านบาท จุดเด่นคือทำเลใกล้ ม.กรุงเทพ และส่วนกลางจัดเต็มกว่า 30 รายการ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ รวมถึงผู้ที่ต้องการลงทุนเพื่อรับผลตอบแทนระยะยาว, แอทโมซ โอเอซิส อ่อนนุช (Atmoz Oasis Onnut) มูลค่าโครงการ 2,200 ล้านบาท, แอทโมซ โฟลว์ มีนบุรี (Atmoz Flow Minburi) มูลค่าโครงการ 1,350 ล้านบาท และ ดิ อาเบอร์ ดอนเมือง-แจ้งวัฒนะ (The Arbor Donmueng Changwattana) มูลค่าโครงการ 1,050 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีโครงการที่จะก่อสร้างเสร็จพร้อมทยอยโอนต่อเนื่องในปีหน้าอีก 10 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 23,177 ล้านบาท ซึ่งจากแผนงานดังกล่าว สะท้อนได้ถึงศักยภาพของ ASW ซึ่งมั่นใจได้ว่าบริษัทฯ มีภาพการเติบโต และแผนการรับรู้รายได้ที่ต่อเนื่องและเข้มแข็ง

ส่วนภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ของปี 2566 คาดว่า ตลาดเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไปตามภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เนื่องจากมีปัจจัยอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่การเปลี่ยนผ่านรัฐบาลใหม่ทำให้การใช้จ่ายของภาครัฐขาดความต่อเนื่อง เกิดการชะลอการลงทุนของภาคเอกชน ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 2 และ 3 ที่ผ่านมาเกิดภาวะสุญญากาศ และผู้บริโภคไม่รีบตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย อย่างไรก็ตามตลาดที่อยู่อาศัยบางเซ็กเมนต์ยังมีกำลังซื้อที่ดี เช่น คอนโดมิเนียมรอบมหาวิทยาลัย (Campus Condo) เนื่องจากมีกลุ่มคนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนและบริหารเงินด้วยการซื้อคอนโดฯ เพื่อรับผลตอบแทนในระยะยาวในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากยังอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ รวมทั้งการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง นอกจากนี้ พบว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในหัวเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญๆ มีการเติบโตที่ดีจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้ามาซื้อเพื่อเป็นบ้านหลังที่สอง

บริษัทฯ คาดการณ์ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี 2567 จะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นตามจีดีพีที่คาดว่าจะขยายตัว 2.8-3.3% เพราะภาพรวมอสังหาฯ เดือนตุลาคม-พฤศจิกายนที่ผ่านมาเริ่มมีสัญญาณบวกจากปัจจัยต่างๆ ทั้ง สงครามระหว่างอิสราเอล-ฮามาส ที่ไม่ได้ขยายวง อัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศไทยที่เริ่มทรงตัว รวมทั้งแรงส่งของการบริโภคภาคเอกชนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของภาครัฐที่กำลังทยอยออกมา อาทิ มาตรการ Easy

E-Receipt ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ 1 ม.ค.-15 ก.พ. 2567, โครงการ Digital Wallet เป็นต้น รวมถึงแรงซื้อจากชาวต่างชาติที่กลับเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อเป็นบ้านหลังที่สองในเมืองท่องเที่ยวสำคัญ เช่น ภูเก็ต เป็นต้น

“ปี 2567 บริษัทฯ เตรียมขยายการลงทุนโครงการอสังหาฯ ในจังหวัดภูเก็ต ผ่านบริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE และ บริษัท โบทานิก้า แกรนด์ อเวนิว จำกัด หรือ BGA เพื่อตอบสนองความต้องการที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติ รวมถึงนักท่องเที่ยว และคนทำงานในจังหวัดภูเก็ต” นายกรมเชษฐ์ กล่าว


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment