S&J ชูงานวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม ผู้นำอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง

เอส แอนด์ เจ อินเตอร์เนชั่นแนล เอนเตอร์ไพรส์ หรือ S&J ผู้ผลิตเครื่องสำอาง ชั้นนำของประเทศภายใต้เครือสหพัฒน์ สร้างความโดดเด่นให้บริษัทด้วยผลงานวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม มุ่งมั่นเดินหน้าสร้างสรรสินค้าเพื่อความงาม คู่สุขภาพ และความยั่งยืน เพื่อเจาะตลาดยุคใหม่ และดึงผู้บริโภคมาร่วมรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม

ศ.ดร.ภญ.มาลิน อังสุรังษี กรรมการฝ่ายเทคนิคและกิจกรรมเพื่อสังคม บริษัท เอส แอนด์ เจ อินเตอร์เนชั่นแนล เอนเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ S&J เปิดเผยว่า บริษัทเติบโตในฐานะผู้ให้บริการผลิตสินค้าเครื่องสำอางทั้งในรูป OEM และ ODM แบบ one stop service มากว่า 40 ปี โดยเริ่มตั้งแต่การพัฒนาตามสูตรลูกค้าหรือออกแบบสูตรให้ลูกค้า การจัดหาวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์ไว้ใช้เตรียมสูตรและ ผลิตผลิตภัณฑ์ การทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัย พร้อมกับเข้าสู่กระบวนการผลิต และตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์ จนสุดท้ายจัดการส่งสินค้าถึงมือลูกค้า ทุกขั้นตอนที่ดำเนินการ เป็นไปตามมาตรฐานที่ได้รับการรับรองจากองค์กรต่าง ๆ รวมทั้ง บริษัท ฯ ยังให้บริการแนวคิดและกลยุทธ์การตลาดให้ลูกค้า เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้แก่ลูกค้าเช่นกัน

ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากบริษัทฯ ได้รับการยอมรับจากลูกค้าทั้งในและต่างประเทศว่า มีความหลากหลาย ทั้งมีความแตกต่างและโดดเด่นมากกว่าที่อื่น ทั้งนี้ จุดแข็งหนึ่งของบริษัทคือ การมี “หน่วยงานวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม” ซึ่งมีทีมงานมากด้วยศักยภาพในการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากวัตถุดิบที่วิจัย และจากเทคโนโลยีเฉพาะที่คิดค้นขึ้นเองอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีการคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ป้อนสู่ตลาดอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งได้ช่วยผลักดันให้บริษัทฯ มีผลผลิตจากการวิจัย พัฒนา และนวัตกรรมตีพิมพ์ในวารสารและนำเสนอในงานประชุมวิชาการนานาชาติ ได้รับการจดสิทธิบัตร และได้รับรางวัลต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศทุกปี อีกทั้งบริษัทฯ ยังได้รับ “The Innovative Companay Awards 2017” จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่สำคัญคือ ได้รับความไว้วางใจ ทำให้มีลูกค้ามาเพิ่มรับบริการจากบริษัทฯ อย่างสม่ำเสมอ

“การลงทุนเพิ่มการทำงานด้านวิจัยและนวัตกรรม ได้สร้างการเติบโตให้บริษัทฯ ค่อนข้างก้าวกระโดด โดยจากเมื่อ 20 ปีก่อน ที่เน้นเพียงงานพัฒนา มียอดรายได้ไม่ถึงพันล้านบาท แต่เมื่อมีงานวิจัยและนวัตกรรมอย่างจริงจัง พบรายได้แตะที่สี่พันล้านบาทในช่วงระยะเวลาประมาณสิบปีหลังจากนั้น สำหรับรายได้ของปี 2566 หรือปีนี้ อยากให้ติดตามดูผลประกอบการจากตลาดหลักทรัพย์ว่าเป็นเท่าไร แล้วจะเห็นว่า งานวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม มีความสำคัญกับอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง และกับอุตสาหกรรมอื่น ๆ ด้วย” ศ.ดร.ภญ.มาลิน กล่าวเสริม

จากแนวโน้มความนิยมความงามคู่สุขภาพของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นมาก อีกทั้งมีความต้องการความเป็นธรรมชาติมากขึ้น บริษัท S&J ให้ความสนใจในการสร้างสรรผลิตภัณฑ์ที่เน้นส่วนผสมจากธรรมชาติมากขึ้นเช่นกัน จากการที่มีหน่วยงานวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม จึงไม่ยากที่จะคิดค้นสูตรเครื่องสำอางธรรมชาติหลากชนิดจนสามารถได้ชนิดที่มีส่วนผสมของสารธรรมชาติ 100% หรือมากกว่า 95% ได้ แต่ชนิดที่สร้างจุดเด่นแตกต่างจากตลาดคือ การเตรียมสูตรที่ใช้สารออกฤทธิ์จากพืชหรือสมุนไพรไทยที่บริษัทวิจัยขึ้นเอง อาทิ ผลิตภัณฑ์กันแดดไม่ทำลายปะการังจากข้าวไทย แป้งทาหน้าพร้อมบำรุงผิวจากสมอไทย เป็นต้น นอกจากผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ บริษัทยังสนใจสร้างสรรผลิตภัณฑ์ให้กับผู้บริโภคที่ต้องการความแปลกใหม่โดยอาศัยเทคโนโลยีที่หลากหลาย ที่โดดเด่นมากคือ เทคโนโลยีเปลี่ยนรูปลักษณ์ หรือ Transformation Technology ทำให้บริษัทฯ มีผลิตภัณฑ์ที่สร้างกระแสในตลาดอยู่เนือง ๆ ตัวอย่างเช่น ลิปสติคเปลี่ยนจากไม่มีสีเป็นมีสีเมื่อทาผิว แอลกอฮอล์เปลี่ยนจากที่เป็นเจลเป็นละอองฝอยเมื่อฉีดพ่น เป็นต้น

บริษัท S&J ได้ชื่อว่าเป็นบริษัทอุตสาหกรรมที่ได้มาตรฐานระดับสากล เพราะมีหนังสือรับรองการทำกิจการ และกิจกรรมจากองค์กรทั้งภายในและภายนอกประเทศ ไม่ว่าที่เกี่ยวข้องกับการผลิต คุณภาพ อาชีวอนามัย ความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม ความรับผิดชอบต่อสังคม และอื่น ๆ อาทิเช่น หนังสือรับรองมาตรฐานการผลิตหรือ GMP จาก อย. หนังสือรับรองระบบบริหารคุณภาพ ISO 9001 : 2015 หนังสือรับรองตรวจสอบคุณภาพ ISO 17025 หนังสือรับรองระบบการผลิต ฮาลาล เป็นต้น หนังสือรับรองต่าง ๆ เหล่านี้ มีส่วนช่วยสร้างความมั่นใจ และทำให้ลูกค้าไว้วางใจบริษัทฯ มากขึ้น

ศ.ดร.ภญ.มาลิน เสริมว่า กระแสการบริโภคยุคใหม่โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z ที่ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเพื่อไม่ให้เกิดปัญหากระทบ ทั้งที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ความงามของสิ่งแวดล้อม และการอยู่รอดของสิ่งมีชีวิต เช่น ไม่ให้เกิดภาวะโลกร้อน ไม่มีขยะ พลาสติคในท้องทะเล ปะการังยังมีชีวิตให้ความสวยงามและเป็นที่พักพิงของสัตว์น้ำอื่นได้ เป็นต้น ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมรวมอยู่ในข่ายการเลือกซื้อของผู้บริโภคยุคใหม่ ที่ต้องการมีส่วนช่วยลดปัญหาต่าง ๆ ที่จะเกิดกับสิ่งแวดล้อมด้วย บริษัทฯ ให้ความสำคัญและถือเป็นภารกิจที่ต้องสนับสนุนคุณภาพที่ดีของสิ่งแวดล้อม ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่ผลิต นอกจากเน้นส่วนผสมที่เป็นธรรมชาติแล้ว ชนิดไม่ใช่ธรรมชาติ ต้องไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมด้วย เช่น สารกันแดดที่ผสมในผลิตภัณฑ์กันแดดต้องไม่ทำลายปะการัง ฯลฯ อีกทั้งบรรจุภัณฑ์และฉลากของผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป ต้องไม่เป็นปัญหาหรือช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมได้ เช่น มีการนำเสนอบรรจุภัณฑ์ที่เป็นกระดาษ หรือ PCR แผ่นฟิมพ์ที่เป็นพลาสติคชีวภาพ หมึกพิมพ์ฉลากที่เป็น soy ink เป็นต้น เพื่อให้ลูกค้าพิจารณาเลือก ซึ่งเป็นอีกวิถีทางหนึ่งในการรักษาสิ่งแวดล้อมให้น่าอยู่อย่างยั่งยืน


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment