PTC พร้อมขาย IPO 110 ล้านหุ้นเร่งเดินหน้าเข้าเทรด เอ็ม เอ ไอ ปีนี้

พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น หรือ PTC ได้รับอนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์จากสำนักงาน ก.ล.ต. เรียบร้อย พร้อมเดินหน้าเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 110 ล้านหุ้น และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ในปีนี้

นายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ. พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น (PTC) เปิดเผยว่า หลังจาก PTC ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (แบบไฟลิ่ง) และแบบคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ล่าสุด สำนักงาน ก.ล.ต.ได้อนุญาตให้เสนอขายหลักทรัพย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2565 และปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อม เพื่อเสนอขายหุ้น IPO และนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ได้ในปีนี้

ทั้งนี้ บมจ.พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น มีทุนจดทะเบียน 205 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยมีทุนเรียกชำระแล้ว 150 ล้านบาท คิดเป็นหุ้นสามัญจำนวน 300 ล้านหุ้น และจะเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 110 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 26.83 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท โดยภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไป ใช้ในการชำระคืนเงินกู้แก่สถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ

นายวีรวัฒน์ บูรพพัฒนพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PTC กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ อยู่ภายใต้การนำเสนอแนวคิดของการใช้ทรัพยากรร่วมกันให้แก่ผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ในประเทศ เพื่อให้บริการรับ เก็บ ผสม และจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงให้แก่สถานีบริการน้ำมัน โดยมีลักษณะการให้บริการ ดังนี้ 1) บริการรับ เก็บ และจ่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิงสำเร็จรูปประเภทเบนซินและดีเซล โดยมีการให้บริการที่คลังน้ำมันเชื้อเพลิงที่จังหวัดขอนแก่น (“คลังขอนแก่น”) และคลังน้ำมันเชื้อพลิงที่จังหวัดศรีสะเกษ (“คลังศรีสะเกษ”) และ 2) บริการผสมน้ำมันเชื้อเพลิงพื้นฐานตามสูตร เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิงสำเร็จรูปตามที่ลูกค้าต้องการ โดยเริ่มให้บริการที่คลังน้ำมันศรีสะเกษ

ปัจจุบัน บริษัทฯ เป็นผู้ให้บริการคลังรับ เก็บ จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงสำเร็จรูปให้กับบริษัทผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่สุดของประเทศ โดยพื้นที่ให้บริการปัจจุบันอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีสัดส่วนปริมาณจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดเบนซินและดีเซลเป็นอันดับ 3 ของประเทศไทยรองจากภาคกลางกับเขตกรุงเทพและปริมณฑล โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นภูมิภาคที่มีศักยภาพและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านอุตสาหกรรมการเกษตร ด้านการท่องเที่ยว อีกทั้งยังเป็นเส้นทางเชื่อมโยงสู่ประเทศเพื่อนบ้านได้ ทำให้มีความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีกำลังการจ่ายน้ำมันทั้ง 2 คลัง สูงสุดกว่า 7 ล้านลิตรต่อวัน


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment