พรีบิลท์สวนโควิดไตรมาส 1 รายได้-กำไรโต

พรีบิลท์เผยผลงานไตรมาส 1 กำไรงาม 57.66 ล้านบาท โต 42 % หลังรับรู้รายได้จากโครงการ”พรรณนา” สวนกระแสโควิด มั่นใจปีนี้ทั้งปีเติบโตก้าวกระโดด

นายวิโรจน์ เจริญตรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีบิลท์ จํากัด (มหาชน) (PREB) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2564 ของบริษัทมีกำไรสุทธิ 57.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.02 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 40.64 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 42% โดยไตรมาส 1 บริษัทมีรายได้ 1,076.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 83.05 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 8.36 % จากช่วงเดียวกันปีก่อน

ทั้งนี้ รายได้ที่เพิ่มขึ้น เป็นผลจากการที่บริษัทรับรู้รายได้จากยอดโอน โครงการ "พรรณนา" บ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ ย่านพุทธมณฑลสาย4 ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่บริษัทฯลงทุนเอง เป็นโครงการแรก ซึ่ง ได้การตอบรับอย่างดีเกินความคาดหมาย ด้วยโครงการที่เปี่ยมไปด้วยคุณค่า ทั้งทำเลที่ตั้ง ขนาดพื้นที่ คุณภาพวัสดุก่อสร้างและการออกแบบที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดของโครงการ โดยสามารถขายเฟส1ได้เกือบหมดแล้ว และขณะนี้ได้เตรียมขึ้น เฟส2 โดยตลอดทั้งปีนี้จะรับรู้ยอดโอนของโครงการ "พรรณนา" ได้อย่างต่อเนื่องเต็มที่เต็มปี โดยคาดว่าทั้งปีนี้จะสามารถสร้างรายได้ จากโครงการพรรณนาเพิ่มขึ้นอีก 600 กว่าล้านบาท รวมทั้งเตรียมเปิดโครงการใหม่ "พิมนารา" ย่านถนนศรีนครินทร์หนามแดง ซึ่งเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่บริษัทลงทุนเองทั้งหมดเช่นกัน ซึ่งคาดว่าทั้งสองโครงการจะสร้างรายได้โดยรวม 700 ล้านบาท

นอกจากนี้ รายได้และกำไรที่เพิ่มขึ้น ยังมาจากส่วนงานรับเหมาก่อสร้าง ที่เป็นรายได้หลักของบริษัท ที่กลับมาก่อสร้างและส่งมอบงานได้มากขึ้นตั้งแต่ต้นปี โดยมั่นใจว่าตลอดทั้งปี2564 จะส่งมอบงานก่อสร้างได้มากกว่าปี 2563 เนื่องจากปริมาณงานที่ถูกชะลอการขึ้นโครงการในปีที่ผ่านมา จึงทำให้ยอดส่งมอบปี 2564 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น โดยบริษัทฯ จะยังคงรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ได้ ที่ระดับใกล้เคียงกับปี 2563 หรืออาจจะมากกว่า หากเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวดีขึ้นในปีนี้ ทั้งนี้ บริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) ที่รอทยอยรับรู้รายได้รวมมูลค่ากว่า 7,300 ล้านบาท โดยจะเป็นการรับรู้รายได้มากกว่า 53% ในปีนี้ และที่เหลือกว่า 42% รับรู้รายได้ในปี 2565

สำหรับในส่วนของงานผลิตและจำหน่ายแผ่นพื้นสำเร็จรูป คาดว่าผลการดำเนินงานโดยรวมในปี 2564 จะดีกว่าปี 2563 เช่นกัน เนื่องจากโรงงานมีการปรับฐานการผลิต และเปลี่ยนแปลงการรับลูกค้าจากเดิม โดยมุ่งเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าแนวราบที่มีศักยภาพด้านการขายเพิ่มขึ้น ทำให้สามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ในระดับเดิมซึ่งเป็นระดับที่สูงได้

นายวิโรจน์กล่าวต่อว่า นอกจาก 3 ส่วนธุรกิจข้างต้นแล้ว ในปีนี้บริษัทฯ ยังมี backlog ที่จะเปลี่ยนเป็นรายได้ จากการร่วมลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์กับพันธมิตร ในโครงการ Quinto และโครงการ Eigen โดยทั้ง 2 โครงการ คาดว่าจะมียอดโอนรวมกันภายในปี 2564 ประมาณ 952 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะรับรู้ผลกำไรตามสัดส่วนการลงทุนที่ 49% และ 35 % ตามลำดับ นอกจากนี้ยังมีโครงการร่วมทุนที่”จตุโชติ” ซึ่งคาดว่าจะสามารถพัฒนาและพร้อมโอนได้ในไตรมาส 4ปีนี้ อีกส่วนหนึ่งประมาณ 123 ล้านบาท ทำให้คาดว่าผลกำไรจากการลงทุนในบริษัทฯ ร่วมทุนในปี 2564 จะเพิ่มขึ้นจากปี 2563 ที่มีการรับรู้รายได้เพียง 513 ล้านบาท

“การต่อยอดธุรกิจและกระจายแหล่งที่มีของรายได้ เพื่อเสริมธุรกิจรับเหมาก่อสร้างซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทนี้ จะทำให้รายได้และกำไรของบริษัทฯโดยรวมทั้งปี เติบโตได้อย่างก้าวกระโดดตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ และบริษัทตั้งเป้าบริหารจัดการการเงินเพื่อให้สามารถจ่ายเงินปันผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่องทุกปี โดยปี 2563 ที่ผ่าน บริษัทได้จ่ายเงินปันผลเป็นเงินสด ในอัตราหุ้นละ 0.40 บาท รวมเป็นเงินกว่า 123.47ล้านบาท จากกำไรสุทธิทั้งปีที่ 165.66ล้านบาท คิดเป็นเงินปันผล 74.07% ของกำไรสุทธิ ซึ่งสูงกว่านโยบายปันผลที่กำหนดไว้ไม่เกิน 50% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการ โดยกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 21 พ.ค.นี้ ซึ่งได้มีการกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลไปแล้วเมื่อวันที่ 7 พ.ค.2564 ที่ผ่านมา” นายวิโรจน์กล่าว


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment