วันทูน่าโลก World Tuna Day

“ทูน่า” ปลาที่ไม่ธรรมดา

หลายประเทศในโลกมี “ทูน่า” เป็นสัตว์เศรษฐกิจสำคัญที่ส่งผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ ความมั่นคงทางอาหาร การจ้างงาน รายได้ของรัฐ ชีวิตความเป็นอยู่ และวัฒนธรรม

กว่า 80 ประเทศทั่วโลกมีการทำประมงทูน่าในมหาสมุทรต่างๆ เรือประมงหลายลำทำประมงอย่างผิดกฎหมายและเกินขนาด เพื่อจับทูน่าให้ได้ปริมาณมากเพียงพอกับความต้องการของตลาด ทำให้ประชากรทูน่าลดลงอย่างมาก ทั้งทูน่าตาโต (Bigeye) ทูน่าครีบยาว (Albacore) ที่เข้าข่ายเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ส่วนทูน่าครีบน้ำเงิน (Bluefin) ที่เลิศรสที่สุด ต้องตกอยู่ในภาวะถูกล่าจนใกล้จะสูญพันธุ์

ด้วยเหตุดังกล่าว ทำให้องค์การสหประชาชาติยกย่อง “ทูน่า” ให้เป็นสัตว์เศรษฐกิจสำคัญที่จำเป็นต้องมีการพัฒนาอย่างยั่งยืนควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ธรรมชาติ พร้อมทั้งได้กำหนดให้วันที่ 2 พฤษภาคมของทุกปี เป็น “วันทูน่าโลก”

“ทูน่า” แหล่งโภชนาการและความมั่งคั่ง

ทูน่าเป็นแหล่งโปรตีนสำคัญ มีกรดไขมันโอเมก้า-3 ไอโอดีน แมงกานีส ซิลิเนียม วิตามินนานาชนิด และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยป้องกันการเกิดความดันโลหิตสูง ดีต่อสุขภาพของหัวใจและหลอดเลือด และยังช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง

นอกจากจะอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ทูน่ายังมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนา ราว 85 ประเทศทั่วโลกที่ทำอุตสาหกรรมประมงทูน่า ในแถบมหาสมุทรแปซิฟิก มหาสมุทรอินเดีย มหาสมุทรแอตแลนติก และทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

รู้หรือไม่? ไทยส่งออกทูน่ากระป๋องอันดับ 1 ของโลก

ในปี 2556 คนทั่วโลกบริโภคทูน่า 5.2 ล้านตัน แบ่งเป็น ทวีปยุโรป 1.3 ล้านตัน ญี่ปุ่น 750,000 ตัน อเมริกาใต้ 590,000 ตัน อเมริกาเหนือ 580,000 ตัน ตะวันออกกลาง 380,000 ตัน และอีก 1.1 ล้านตันคือผู้บริโภคในเอเชีย (ยกเว้นญี่ปุ่น) ทั้งทูน่ากระป๋องและซาชิมิ

ประเทศไทยครองแชมป์ประเทศผู้ส่งออกทูน่ากระป๋องอันดับ 1 ของโลก ยาวนานมาตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา รองลงมาคือประเทศเอกวาดอร์ และสเปน

ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2560 ไทยส่งออกทูน่าประป๋อง (รวมทูน่ากระป๋องกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยง) 228,224 ตัน คิดเป็นมูลค่า 31,204 ล้านบาท ขณะที่มูลค่าการส่งออกทูน่ากระป๋องของไทยในปี 2559 ตลอดทั้งปีอยู่ที่ 77,275 ล้านบาท ส่งออกทั้งหมด 630,357 ตัน

ไทยนำเข้าทูน่าดิบแช่แข็งเพื่อผลิตทูน่ากระป๋องในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2560 รวม 267,260 ตัน มูลค่า 15,611 ล้านบาท ขณะที่ปี 2559 ตลอดทั้งปี ไทยนำเข้าทูน่าดิบแช่แข็งทั้งหมด 740,205 ตัน มูลค่ารวม 41,040 ล้านบาท

ทูน่าสายพันธุ์ที่ไทยนำเข้ามาผลิตทูน่ากระป๋องมากที่สุดคือ ทูน่าพันธุ์ท้องแถบ (Skipjack Tuna) นำเข้ามากถึง 69% รองลงมาคือ ทูน่าครีบเหลือง (Yellowfin Tuna) ทูน่าตาโต (Bigeye Tuna) และทูน่าครีบยาว (Albacore Tuna)

ทูน่าสายพันธุ์ยอดนิยม

ทูน่าครีบน้ำเงิน (Bluefin Tuna) เป็นทูน่าสายพันธุ์ที่มีมูลค่าเชิงพาณิชย์มากที่สุดและเป็นที่ต้องการของตลาดมากที่สุด เคยมีสถิติถูกประมูลในตลาดปลาซึกิจิ (Tsukiji Fish Market) ตลาดปลาที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ญี่ปุ่น ไปด้วยราคา 155.4 ล้านเยน (ประมาณ 46.5 ล้านบาท) เมื่อปี 2556 ถือว่ามีราคาแพงที่สุดและยังไม่มีปลาตัวไหนล้มสถิติได้

90% ของทูน่าครีบน้ำเงินที่ถูกจับได้ในตลาดโลก จะถูกส่งไปขายที่ประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นตลาดซาซิมิและซูชิที่ใหญ่ที่สุด ขณะที่ตลาดรองลงมา คือ สเปนและอิตาลี ที่นิยมนำทูน่าไปทำสเต็ก ปัจจุบัน ทูน่าครีบน้ำเงินนั้นอยู่ในภาวะใกล้จะสูญพันธุ์

ขอบคุณข้อมูลจาก

http://www.fao.org

http://www.fao.org/in-action/globefish/fishery-information/resource-detail/en/c/880744/

http://www.un.org/en/events/tunaday/resources.shtml

http://www.greenpeace.org/seasia/th/campaigns/Ocean/tuna-problem

http://pubdocs.worldbank.org/en/858301461833983033/WB-PP-Tuna-Fisheries.pdf

https://www.thaituna.org/home/download/monthly-report/


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment