KWMยิ้มรับไอซีซั่น

KWMขานรับไฮซีซั่น ออเดอร์ ช่วงต้นปี 64 โตทะลักต่อเนื่องเตรียมผุดสินค้าใหม่ “Pegasus” ผนึกพันธมิตรเจาะ CLMV จ่อยื่นขอไลเซ่นส์โรงสกัดกัญชงและกัญชา

นายเอกพันธ์ วนโกสุม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เค.ดับบลิว. เม็ททัล เวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ KWM เปิดเผยว่า แนวโน้มภาพรวมธุรกิจในขณะนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเพราะได้รับอานิสงส์จากปัจจัยด้านฤดูกาลเพาะปลูกของภาคการเกษตร ประกอบกับสถานการณ์ของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังไม่คลี่คลาย ส่งผลให้ประชากรคนในเมืองส่วนใหญ่ตัดสินใจย้ายกลับเข้าไปทำอาชีพภาคการเกษตรในภูมิลำเนาตามต่างจังหวัด ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้เร่งผลักดันการเติบโตของยอดขายสินค้าเครื่องจักรและอุปกรณ์การเกษตรเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนเพิ่มสินค้าอุปกรณ์การเกษตรรูปแบบใหม่ๆภายใต้แบรนด์ “Pegasus” เพื่อต้องการตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและยังเป็นส่วนช่วยเสริมศักยภาพทำกำไรในอนาคตให้ดีขึ้น นอกจากนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการศึกษาขยายสินค้าเข้าไปสู่ตลาดต่างประเทศ โดยจะนำร่องกลุ่มประเทศกลุ่ม CLMV ซึ่งจะเป็นลักษณะการร่วมมือกับพันธมิตรที่มีเครือข่ายและช่องทางการจำหน่ายสินค้าอุปกรณ์การเกษตรในประเทศกลุ่ม CLMV เบื้องต้นคาดว่าแผนการขยายตลาดต่างประเทศน่าจะมีความชัดเจนภายในปี 2565

ทั้งนี้แม้ว่าแนวโน้มราคาเหล็กที่เป็นต้นทุนวัตถุดิบการผลิตหลักจะปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ด้วยนโยบายและการวางกลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยง จึงไม่ได้กังวลกับประเด็นดังกล่าว เนื่องจากบริษัทสามารถเจรจาขอปรับขึ้นราคาสินค้ากับคู่ค้าได้ในทุกๆไตรมาส ขณะเดียวกัน บริษัท ยังได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุน (BOI) ทั้ง 2 โรงงาน ประกอบด้วยโรงงานแห่งที่ 1 ได้รับการลดหย่อน 50% ไปจนถึงปี 2566 และโรงงานแห่งที่ 2 ได้รับการลดหย่อนเต็มจำนวนถึงปี 2569 ซึ่งภายหลังจากนี้มีแผนย้ายสายการผลิตส่วนใหญ่มายังโรงงานแห่งที่ 2 ที่ได้รับประโยชน์ทางภาษีต่อเนื่องช่วงระยะ 5 ปี ทำให้ภาพรวมตลอดทั้งปี 2564 บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจะยังรักษาความสามารถทำกำไรได้เป็นอย่างดี และยังส่งผลบวกต่ออัตรากำไรที่ดีระยะยาวด้วย

สำหรับความคืบหน้าแผนขยายเข้าสู่ธุรกิจกัญชงและกัญชานั้น นายเอกพันธ์ กล่าว่า บริษัท มีความสนใจยื่นขอใบอนุญาตจัดตั้งโรงงานสกัดกัญชงและกัญชาจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) โดยเป็นการดำเนินธุรกิจผ่านบริษัทย่อยที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่เพื่อดำเนินธุรกิจโรงงานสกัดกัญชงและกัญชงในการต่อยอดพัฒนาเพื่อวิจัยในการผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและผลิตภัณฑ์กลุ่มที่ใช้ทางการแพทย์โดยเฉพาะ ซึ่งปัจจุบันบริษัท มีความร่วมมือกับพันธมิตรที่มีศักยภาพหลายราย อาทิ ความร่วมมือกับ บริษัท เอ็น.อี.เฮมพ์ จำกัด (N.E.Hemp) เป็นบริษัทย่อยของ บมจ.นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER) ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการวางระบบเพาะปลูกและพัฒนาสายพันธุ์เพื่อป้อนเป็นวัตถุดิบคุณภาพที่มีสาร THC และ CBD ตามหลักเกณฑ์ของสำนักงาน อย.ที่กำหนดไว้ในข้อกฎหมาย

นอกจากนี้ บริษัท มีแนวทางจัดตั้งบริษัทย่อยอีก 1 แห่งเป็นการร่วมทุนกับพันธมิตรต่อยอดประกอบธุรกิจโรงงานสกัดสารประเภทอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับกัญชงและกัญชา โดยจะมุ่งเน้นสารสกัด ที่เกี่ยวข้องกับสมุนไพร เพื่อนำไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องสำอางเป็นหลักตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทั้งกลุ่มลูกค้าคนไทยและต่างประเทศ

ประธานกรรมการบริหาร KWM กล่าวเสริมท้ายว่า จากปัจจัยดังกล่าว ทำให้บริษัท เชื่อมั่นว่าภาพรวมผลประกอบการปี 2564 มีแนวโน้มอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 15% เมื่อเทียบกับปี 2563 ที่มีรายได้อยู่ที่ 355.06 ล้านบาท ซึ่งเเบ่งเป็นการเติบโตของยอดขายสินค้าทั้ง 2 กลุ่มหลัก ประกอบด้วยสินค้าการเกษตรที่ผลิตให้กับกลุ่มบริษัทการเกษตรชั้นนำ ได้แก่ บริษัท สยามคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น จำกัด ภายใต้แบรนด์ “ตราช้าง” คิดเป็นสัดส่วนรายได้ประมาณ 80% ของรายได้รวม รวมถึงสินค้าภายใต้แบรนด์ “Pegasus” ซึ่งเป็นตราสินค้าของบริษัทเองที่ผลิตอุปกรณ์การเกษตร เช่น ใบผาล ใบจักร ใบคัดท้าย โครงผาล ใบดันดิน ใบเกลียวลำเลียง คิดเป็นสัดส่วนรายได้ประมาณ 20% ของรายได้รวม


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment