NRFตั้งเป้าปี 64โตลุ20%เพิ่มลงทุนลุยอีคอมเมอร์สดันเป้าแตะ3พันล้านเร็วกว่าคาด

NRFเผยปี 64ตั้งเป้ารายได้โต20% เพิ่มเงินลงทุนเป็น17 ล้านเหรียญสหรัฐฯใน Boosted NRF Corporation เพื่อลงทุน Branded e-commerce บน Amazon.com เพิ่มสัดส่วนเป็น 30% เร่งรายได้แตะ 3,000 ล้านบาทเร็วขึ้น

นายแดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF เปิดเผยว่า ในปี 2564 บริษัทตั้งเป้ารายได้จากการขายเติบโต 20% จากปี 2563 ที่มีรายได้ จากการขาย 1,408 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตผ่าน 3 ธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มอาหารโปรตีนจากพืช (Plant-Based Food) ที่คาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นแตะ 15% จากปีก่อนอยู่ที่ 8% หลังมีกระแสความนิยมการบริโภคทั้งใน สหรัฐอเมริกา ยุโรป และเอเชีย นอกจากนี้ จะเริ่มรับรู้รายได้จากการขายสินค้าผ่านช่องทาง E-Commerce ของ Amazon เป็นปีแรก อีกทั้งบริษัท มีแผนเข้าลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ และมองโอกาสเข้าซื้อกิจการหรือร่วมทุน ซึ่งจะเป็นส่วนที่ช่วยให้ NRF ต่อยอดผลิตภัณฑ์ในอนาคต ซึ่งจากแผนงานดังกล่าวจะสนับสนุนเป้าหมายรายได้แตะ 3,000 ล้านบาท ในปี 2567 ได้เร็วกว่าที่วางไว้

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนขับเคลี่อนองค์กรสู่เป้าหมาย คือการสร้างทีมงานที่มีคุณภาพและเก่งเฉพาะทางในทั่วโลก โดยนำเอาแฟลตฟอร์ม E-Commerce เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคเป็นหลัก โดยตั้งเป้าหมาย 3 ปีข้างหน้าจะมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจ E-Commerce คิดเป็น 30% ของรายได้ทั้งหมด และมีจุดมุ่งหมายที่จะสร้าง NRF Online Community ซึ่งจะมี Data ที่คอยเก็บข้อมูลมาเพื่อพัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า พร้อมมีวิสัยทัศน์มุ่งหวังให้

อาหารโปรตีนจากพืช (Plant-based food) เข้าเป็นส่วนหนึ่งในมื้ออาหารของกลุ่มผู้บริโภคทุกครัวเรือน เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงของระบบอาหารและช่วยโลกให้ยั่งยืน นอกจากนี้ บริษัทฯ ศึกษาการลงทุนธุรกิจอื่นๆ ใน E-Commerce ที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่อง คาดว่าจะสรุปได้เร็วๆนี้ ซึ่งบริษัทที่จะลงทุนต้องเป็นธุรกิจที่มี EBITDA อย่างน้อย 3 แสน - 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และราคาซื้อธุรกิจเป้าหมายต้องไม่เกิน 3.5 เท่า สำหรับค่าลงทุนส่วนแรก อย่างไรก็ตาม รูปแบบการร่วมทุนหรือเข้าซื้อกิจการ (M&A) จะทำให้ NRF เติบโตอย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ บริษัท มีแผนออกและเสนอขายหุ้นกู้วงเงินรวมไม่เกิน 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2564 เพื่อพิจารณาอนุมัติ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อนำเงินที่ได้รับจากการออกและเสนอขายหุ้นกู้ไปใช้ในการดำเนินงาน และ/หรือ ขยายธุรกิจ และ/หรือ เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท หรืออื่น ๆ ตามที่บริษัทฯ เห็นสมควร สำหรับอัตราดอกเบี้ย จะขึ้นอยู่กับภาวะตลาดในขณะที่ออกเสนอขายหุ้นกู้ดังกล่าว ทั้งนี้อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ของคณะกรรมการการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่กำหนดไว้

นายแดน กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทยังได้ประกาศเพิ่มบริษัทจึงเพิ่มขนาดเงินลงทุนเป็น 17 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 508.8 ล้านบาท จากวงเงินเดิม 7 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 209.5 ล้านบาท ในบริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท เอ็นอาร์เอฟ คอนซูเมอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ NRF ถือหุ้น 55% ร่วมกับบริษัท Boosted Ecommerce, Inc ในสหรัฐอเมริกา ถือหุ้น 45% จัดตั้งบริษัท Boosted NRF Corporation เพื่อลงทุนในธุรกิจ Branded e-commerce บน Amazon.com โดยมุ่งเน้นการเข้าลงทุนผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในกลุ่ม Ethnic Food, Plant-Based Food, Functional Product โดยจะคัดเลือกบริษัทที่มีความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะต้องมียอดขายที่ดีในระบบ E-Commerce ของ Amazon และสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีเกณฑ์การเลือกลงทุนที่ชัดเจนเพื่อให้บริษัท ได้รับประโยชน์สูงสุด

ซึ่งบริษัทเห็นโอกาสเข้าซื้อสินทรัพย์ภายใต้แบรนด์ Prime Labs ดำเนินธุรกิจอาหารเสริมสำหรับผู้ชายวัย 45 ปีขึ้นไป โดยมียอดขายอันดับ 1 ใน Amazon.com ซึ่งทำให้ NRF สามารถสร้าง Online Community ได้เนื่องจากมีฐานลูกค้ากว่า 200,000 ราย เพื่อต่อยอดธุรกิจปัจจุบัน โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้าของ NRF บนแฟลตฟอร์ม E-commerce จะช่วยเพิ่มรายได้ต่อเนื่อง และเป็นการเพิ่มโอกาสในการเสนอขายสินค้าในหมวดผลิตภัณฑ์อื่นๆ แก่กลุ่มลูกค้าเดิม และสามารถต่อยอดไปสู่แผนการลงทุนในอนาคต เช่น การรับจ้างเป็นผู้ผลิตสินค้า (OEM) รวมถึงการต่อยอดธุรกิจ V-shape เป็นต้น คาดว่าการลงทุนดังกล่าว จะสามารถรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/2564 เป็นต้นไป และจะทำให้บริษัทฯ มีรายได้เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 15%

โดยบริษัทเล็งเห็นศักยภาพธุรกิจ E-commerce ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการเป็นตลาดกลางออนไลน์ ซึ่งมีการเติบโตที่สอดคล้องกับพฤติกรรมการบริโภคในยุคปัจจุบันที่มีการซื้อ-ขายสินค้าทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น โดยมีสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 เป็นกลไกสำคัญ สะท้อนจากการที่มีการจัดตั้งธุรกิจใหม่อย่างต่อเนื่องในตลาด E-commerce โดย Amazon.com ครองส่วนแบ่งทางการตลาด 38.7% ในตลาดอีคอมเมิร์ซสหรัฐอเมริกา และมูลค่าตลาดของ Amazon.com เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงปี 2559-2563 จาก 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มเป็น 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2563 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

อนึ่งบริษัทกำหนดจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2564 วันที่ 22 เมษายน 2564 เวลา 14.00 น. ณ ห้องพิมานแมน โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ หรือสามารถร่วมประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-AGM) ซึ่งจะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้น (Record date) วันที่ 29 มีนาคม 2564


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment