CIMBTวัดใจผู้ว่าธปท. ลดดอกเบี้ย FIDF รอบนี้

ดร​ อมรเทพ​ จาวะลา​ ผู้ช่วย​กรรมการ​ผู้จัดการ​ใหญ่​ สำ​นักวิจัย​ธนาคาร​ ซี​ไอเอ็มบี​ ไทย​ (CIMBT) เปิดเผยว่า เครื่องมือด้านดอกเบี้ยยังจำเป็นที่จะต้องหยิบมาใช้ในการแก้ไขปัญหาสภาพคล่องที่ล้นแต่ไปไม่ถึงกลุ่มเป้าหมาย แต่ในการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 3 ก.พ.นี้ทางกนง.อาจเลือกลดลดดอกเบี้ยที่นำส่งกองทุนฟื้นฟูหรือ FIDF ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 0.23% ลงทั้งหมด อย่างน้อยก็จะช่วยลดภาระรายจ่ายลูกหนี้ พร้อมๆ กับเพิ่มแรงจูงใจให้คนลงทุนหรือใช้จ่ายมากขึ้น แต่ส่วนสำคัญในการประชุมรอบนี้น่าจะอยู่ที่การสื่อสารว่า ทางกนง.จะฉายภาพสภาพคล่องที่ล้นในระบบตลาดการเงินแต่สภาพคล่องนี้ไม่ไหลไปสู่คนที่ต้องการสินเชื่อเช่นกลุ่มรายได้น้อยและ SME ได้อย่างไร

ทั้งนี้การแก้ไขอาจไม่ใช่การลดดอกเบี้ยที่เป็นลักษณะหว่านแหช่วยทุกคน แต่น่าจะเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะจุด เช่น การหยุดภาระการจ่ายหนี้ หรือ การอัดฉีดเงินกู้ให้ธุรกิจและครัวเรือนเพื่อต่อลมหายใจช่วงขาดรายได้ แต่สิ่งสำคัญอีกประการคือการสื่อสาร โดยเฉพาะในช่วงที่ดอกเบี้ยต่ำลากยาว ทางธนาคารกลางจะเข้ามาสร้างความคาดหวังของคนได้อย่างไรว่าดอกเบี้ยจะต่ำเช่นนี้อีกนานแค่ไหน และจะรับมือกับผลลบทางเศรษฐกิจจากดอกเบี้ยต่ำได้อย่างไร เพราะแม้ดอกเบี้ยที่ต่ำจะช่วยสร้างแรงจูงใจให้คนลงทุนและบริโภค แต่ดอกเบี้ยต่ำลากยาวก็มีผลให้คนกังวลว่าจะเข้าสู่ภาวะเงินฝืด คนจะหันไปลดการใช้จ่าย หรือระมัดระวังการลงทุน หันกลับไปออมมากขึ้นไปอีก

หากให้ผมอ่านใจผู้ว่า ธปท. คิดว่าท่านคงอยากแก้ปัญหาเฉพาะจุดมากกว่าหว่านแห หรือคลายเกณฑ์การปล่อยซอฟท์โลน การให้ธนาคารพาณิชย์ปรับโครงสร้างหนี้ ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ และอาจสื่อสารเพิ่มเติมว่าดอกเบี้ยจะยังต่ำลากยาว แต่ผมก็เชื่อว่าต่อให้ทำแบบนี้ ก็ยังไม่สามารถช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบได้อย่างรวดเร็วเพียงพอ รวมทั้งหลักเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อที่ยังคงไม่สามารถทำให้ SME ได้เงินกู้ไปประคองธุรกิจได้เต็มที่

ผู้ช่วย​กรรมการ​ผู้จัดการ​ใหญ่​ CIMBT กล่าวอีกว่า ส่วนการพิจารณาดอกเบี้ยนโยบายอาจคงต้องรอไปในการประชุมเดือนมีนาคม โดยมองว่านโยบายการเงินมีลักษณะเดินตามตัวเลขเศรษฐกิจ หรือ data dependent ไม่ใช่ตัวเลขในอดีต หรือต้องรอ GDP ไตรมาสสี่ปีก่อนที่ทางสภาพัฒน์จะรายงานในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ แต่น่าจะพิจารณาตัวเลขในอนาคตหรือการคาดการณ์เศรษฐกิจปีนี้ที่ทางธปท.จะรายงานในช่วงการประชุมรอบเดือนมีนาคม ที่ปัจจุบันทางธปท.คาดว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวที่ 3.2% แต่เชื่อว่าทางธปท.น่าจะปรับลดการคาดการณ์ลง น่าจะเป็นปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่มากขึ้น จนทางกนง.น่าจะพิจารณาลดดอกเบี้ยลง 0.25% พร้อมๆ กับการอัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มเติม หรือ ทำ QE คล้ายๆ ซื้อพันธบัตรรัฐบาล เพิ่มวงเงินในระบบเพื่อลดความเสี่ยงด้านเครดิต จูงใจให้ธนาคารปล่อยสินเชื่อเพิ่มเติม อีกทั้งผลทางอ้อมจากปริมาณเงินที่มากขึ้นและดอกเบี้ยที่ลดต่ำลงจะช่วยลดแรงจูงใจในการเข้ามาซื้อพันธบัตรจากต่างชาติ เงินบาทน่าจะไม่แข็งค่าเร็วอย่างที่เป็นอยู่ ซึ่งช่วยสนับสนุนผู้ส่งออกและให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้เร็วขึ้น โดยสรุป แม้เราเชื่อว่าการลดดอกเบี้ยไม่ใช่ทางออกที่ดีเท่ากับการแก้ปัญหาเฉพาะจุด เช่น ปล่อยซอฟท์โลนและปรับโครงสร้างหนี้ แต่การลดดอกเบี้ยนโยบาย และ FIDF พร้อมๆ กับการทำ QE จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้เร็วขึ้น เราไม่อยากเห็นเศรษฐกิจไทยรั้งท้ายในอาเซียนในปีนี้


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment