BTSกำไรทะลุ8.2พันล้าน

บีทีเอส กรุ๊ป เผยกำไรสุทธิ ปี 2562/63 ทะลุ 8.2 พันล้านบาท เติบโต184% จากปีก่อน แม้จะเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19

นายกวิน กาญจนพาสน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (บีทีเอส กรุ๊ป) เปิดเผยว่า ผลประกอบการปีงบประมาณ 2562/63 (เมษายน 2562 ถึงมีนาคม 2563) มีกำไรสุทธิถึง 8,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 184% จากปีก่อน ในขณะที่กำไรสุทธิหลังหักภาษีจากรายการที่เกิดขึ้นเป็นประจำสร้างสถิติสูงสุด ที่ 4,800 ล้านบาท เติบโต 47% จากปีก่อน แม้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีงบประมาณ

โดยผลงานที่ดีขึ้นส่วนใหญ่เกิดจากธุรกิจระบบขนส่งมวลชน ธุรกิจสื่อโฆษณาและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่เพิ่มขึ้น รายได้รวมจำนวน 42,200 ล้านบาท โดยมีรายได้จากธุรกิจระบบขนส่งมวลชนเป็นรายได้หลัก ในส่วนธุรกิจสื่อโฆษณา มีผลการดำเนินงานเติบโตแข็งแกร่งแสดงกำไรสุทธิสูงสุดใหม่ ที่ 1,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% จากปีก่อน

สำหรับธุรกิจระบบขนส่งมวลชน โครงข่ายระบบขนส่งมวลชนทางรางที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาของเรายังคงมีพัฒนาการรุดหน้าต่อเนื่องเป็นอย่างมาก โดยในปี 2562/63 มีรายได้ค่าก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลืองและรายได้จากการให้บริการติดตั้งงานระบบและจัดหารถไฟฟ้าขบวนใหม่ภายใต้สัญญาสัมปทานสำหรับโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวใต้และเหนือ จำนวน 25,200 ล้านบาท ด้านรายได้จากการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) ประจำปี 2562/63 เพิ่มขึ้น 65% YoY เป็น 3,800 ล้านบาท บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ที่ 3,400 ล้านบาท ปัจจัยหลักมาจากการเปิดให้บริการโครงการส่วนต่อขยายสายสีเขียวใต้ทั้งสายตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 รวมถึงการทยอยเปิดให้บริการ 5 สถานีแรกของโครงการส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือในปี 2562

นอกจากนี้ การทดลองเปิดให้บริการโครงการดังกล่าวอีก 4 สถานี ถึงสถานีวัดพระศรีมหาธาตุ ในเดือนมิถุนายน 2563 และคาดว่าจะเปิดให้บริการสถานีที่เหลือภายในสิ้นปี 2563 คาดว่าการเปิดให้บริการสถานีใหม่ๆ จะเป็นปัจจัยหนุนหลักของการเติบโตของรายได้ O&M ในอนาคต สำหรับโครงการคมนาคมขนส่งอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงการสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาและโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองนั้น คาดว่าจะเห็นความคืบหน้าเป็นอย่างมากในปี 2563/64 ภายหลังการลงนามในสัญญาที่คาดว่าโครงการสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาจะสามารถลงนามได้ในเดือนมิถุนายน 2563 และโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองในเดือนกรกฎาคม 2563



ในฝั่งธุรกิจสื่อโฆษณา บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI ซึ่งเป็นผู้ให้บริการแบบ Offline-to-Online (O2O) โซลูชั่นส์ สามารถสร้างสถิติรายได้และกำไรสุทธิสูงสุดใหม่ โดยมีรายได้ 4,000 ล้านบาท เติบโต 11% YoY และกำไรสุทธิ 1,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 1,100 ล้านบาทในปีก่อน โดยมีหน่วยธุรกิจใหม่ของ VGI อย่าง VGI Digital Lab ที่จะใช้ฐานข้อมูลในการให้บริการแบบดิจิทัล สร้างผลการดำเนินงานแข็งแกร่งทะลุเป้ารายได้ปีแรกที่วางไว้ 150 ล้านบาท นอกจากนี้ VGI ยังได้ยกเลิกการควบรวมงบการเงินบริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) หรือ MACO เริ่มตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2562/63 เป็นต้นไป อันเป็นผลมาจากการลดสัดส่วนการถือหุ้นของ VGI ใน MACO จากการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ให้แก่บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) (PlanB) ทั้งนี้ การยกเลิกการควบรวมงบการเงินดังกล่าวทำให้อัตรากำไรสุทธิของ VGI ดียิ่งขึ้น โดย VGI มีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 35.6% และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกในไตรมาสต่อๆ ไป

กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บีทีเอส กรุ๊ป กล่าวอีกว่า ส่วนแนวโน้มปี 2563/64 จะเป็นอีกปีแห่งความท้าทายเมื่อโลกของเราเปลี่ยนแปลงเข้าสู่สภาวะปกติแบบใหม่ (new normal) แล้วปีงบประมาณใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้ จะมีโครงการใหม่ๆ ที่กำลังจะเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นโครงการสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา หรือโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง อีกทั้งบริษัทยังเปิดกว้างในการหาพันธมิตรในหลากหลายอุตสาหกรรมเพื่อสร้าง Synergy และเพิ่มมูลค่าให้แก่ธุรกิจของเรา

นอกจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งแล้วนั้น บีทีเอส กรุ๊ป ยังให้ความสำคัญในด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมและสังคมผ่านแนวคิดในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับวิสัยทัศน์ ‘City Solutions’ ของบริษัทฯ ที่มุ่งหวังจะยกระดับการใช้ชีวิตของคนเมืองอย่างยั่งยืน โดยสนับสนุนกรอบแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและการกำกับดูแลกิจการที่ดี (ESG) ทั้งนี้ บริษัทได้รับการยอมรับจากหลากหลายสถาบันด้านความยั่งยืนชั้นนำทั่วโลก ดังเห็นได้จากการได้รับคัดเลือกเข้าเป็นสมาชิกของดัชนีดาวน์โจนส์เพื่อความยั่งยืน ประจำปี 2562 และได้รับคัดเลือกเข้าอยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืนปี 2562 โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อีกทั้ง บีทีเอส กรุ๊ป ยังได้รับรางวัล the Best Green Bond ในหมวดคมนาคมขนส่งและโครงสร้างพื้นฐานจากการออกหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ในงาน The Asset Triple A Sustainable Capital Markets Regional Awards 2019 และยังได้รับรางวัลความยั่งยืนระดับ Silver Class ที่จัดอันดับโดย RobecoSAM ซึ่งแสดงอยู่ใน The Sustainability Yearbook 2020


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment