ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนปรับลดสู่เกณฑ์ ‘ซบเซา’

สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนปรับลดสู่เกณฑ์ ‘ซบเซา’ นักลงทุนคาดหวังปัจจัยหนุนจากนโยบายเฟดและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปัจจัยฉุดคือสถานการณ์การเมืองไทยและความขัดแย้งระหว่างประเทศ

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือนมิถุนายน 2568 (สำรวจระหว่างวันที่ 20-30 มิถุนายน 2568) พบว่า “ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index: ICI) ในอีก 3 เดือนข้างหน้าปรับกลับสู่เกณฑ์ “ซบเซา” ที่ระดับ 58.45 นักลงทุนมองว่าการคงอัตราดอกเบี้ยของ FED เป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาคือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และความชัดเจนของสถานการณ์การเมืองในประเทศ ปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ รองลงมาคือสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และ การไหลออกของเงินทุน

ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) สำรวจในเดือนมิถุนายน 2568 ได้ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้

ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (กันยายน 2568) อยู่ในเกณฑ์ “ซบเซา” (ช่วงค่าดัชนี 40-79) ที่ระดับ 58.45

ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคล กลุ่มนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนต่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ “ซบเซา” ในขณะที่ กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ อยู่ในเกณฑ์ “ซบเซาอย่างมาก”

หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดธนาคาร (BANK)

หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดยานยนต์ (AUTO)

ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การคงอัตราดอกเบี้ยของ FED

ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ สถานการณ์การเมืองในประเทศ

ผลสำรวจ ณ เดือนมิถุนายน 2568 รายกลุ่มนักลงทุนพบว่าความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคล ปรับลด 14.2% อยู่ที่ระดับ 50.70 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับลด 61.9% อยู่ที่ระดับ 28.57 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับลด 42.1% อยู่ที่ระดับ 63.64 และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศปรับลด 55.6% อยู่ที่ระดับ 66.67

ในเดือนมิถุนายน 2568 ตลาดทุนไทยเผชิญความผันผวนอย่างหนักจากทั้งประเด็นความขัดแย้งระหว่างประเทศอิหร่านและอิสราเอล ความขัดแย้งชายแดนระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา รวมถึงสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศซึ่งส่งผลต่อความกังวลของนักลงทุนต่อเสถียรภาพของรัฐบาล ในขณะที่ผลการประชุม FED มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 4.25% – 4.50% และกนง. มีมติคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.75% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดย SET Index ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 ปิดที่ 1,089.56 ปรับตัวลดลง 5.19% จากเดือนก่อนหน้า ปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในเดือนมิถุนายน 2568 อยู่ที่ 39,663 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 7,941 ล้านบาท ตั้งแต่ต้นปี 2568 นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิรวม 78,690 ล้านบาท

ปัจจัยต่างประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ ผลการเจรจาข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า สถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ซึ่งส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันและอาจขยายวงผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ในส่วนของปัจจัยในประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ ความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างไทย—สหรัฐ เสถียรภาพของรัฐบาลที่เปราะบางหลังศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้พิจารณาและมีคำสั่งให้นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจที่สำคัญ และส่งผลกระทบต่อการวางแผนระยะยาวในการลงทุนของภาคเอกชน รวมถึงแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี จากการส่งออกสินค้าที่ลดลง และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment