นิด้าคาด ปี63ศก.โต2.5 – 2.7%

สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ประเมินเศรษฐกิจไทยปี 63 ขยายตัว 2.5 – 2.7% รับได้การลงทุนภาครัฐหนุนเป็นหลัก

รศ.ดร.มนตรี โสคติยานุรักษ์ ผู้อำนวยการหลักสูตรวิทยาการการจัดการสำหรับนักบริหารระดับสูง (วบส.) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยว่า นิด้าได้ประเมินปัจจัยการเติบโตของเศรษฐกิจไทย (GDP) ในปี 2563 คาดว่าจะขยายตัวได้ 2.5-2.7% โดยมีปัจจัยจากนโยบายการคลังที่กระตุ้นการใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐเป็นหลัก โดยภาครัฐต้องเร่งเบิกจ่ายงบประมาณแผ่นดินในปี 2563 ที่มีวงเงินกว่า 3.2 ล้านล้านบาท เพื่อดำเนินตามแผนการลงทุน เช่น โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่ปัจจุบันมีความคืบหน้าแผนงานที่ชัดเจน นอกจากนี้ ยังมีส่วนงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจอีกกว่า 4 แสนล้านบาท ทำให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจผ่านการจ้างงานและการลงทุนมากขึ้น

สำหรับภาคส่งออกของไทยในปี 2563 คาดว่ายังขยายตัวได้ โดยมีตลาดส่งออกที่สำคัญได้แก่ภูมิภาคอาเซียนที่มีมูลค่าส่งออกไปอาเซียนกว่า 27.14% ซึ่งเป็นผลพวงการเปิดเสรีทางการค้าระหว่างสมาชิกอาเซียน พร้อมกันนี้ยังมุ่งขยายเศรษฐกิจใน 33 จังหวัดชายแดนของประเทศไทยที่มีพรมแดนติดกับประเทศเมียนมาร์ ลาว กัมพูชา และมาเลเซีย ผ่านการทำกิจกรรมทางการค้า เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยและเกิดการกระจายรายได้ให้กับคนท้องถิ่น

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังมีปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ 1) สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ทำให้ภาวะเศรษฐกิจและการค้าโลกชะลอตัว กระทบต่อค่าเงินบาทให้แข็งค่าขึ้น ผลจากอิทธิพลของการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนจากต่างประเทศ และภาคการส่งออกมีแนวโน้มหดตัว -1.0% ถึง -2.0% ในปีหน้า 2) ปัญหาหนี้ครัวเรือนมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องจากการปล่อยสินเชื่อ โดยเฉพาะหนี้เสียจากกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และหนี้บัตรเครดิต 3) ผลกระทบจากนโยบายภาครัฐเรื่องการจัดระเบียบทางเท้ากระทบต่อกลุ่มผู้มีรายได้น้อย โดยเฉพาะกลุ่มสตรีทฟู้ดและหาบเร่ 4) ภาคการลงทุนที่ได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อในประเทศและต่างประเทศที่ซบเซา ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมไม่ชะลอลงทุนเพิ่มกำลังการผลิต 5) นโยบายที่เอื้อต่อกลุ่มทุนใหญ่ ส่งผลให้เม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไม่เพียงพอ

ทั้งนี้ ด้วยปัจจัยดังกล่าว ชี้ชัดว่านโยบายการคลังที่มีประสิทธิภาพจะได้ผลดีกว่านโยบายการเงิน เนื่องจากระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยในปัจจุบันถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำ แต่อคาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกในปีหน้า มาอยู่ที่ระดับ 1.00 – 1.25% และอัตราเงินเฟ้อเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1.0 – 1.5% ส่วนค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งตัว มาอยู่ที่ 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ พร้อมคาดการณ์ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) แตะระดับ 1,700 จุด ผลจากการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนจากต่างประเทศ โดยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปี 2563 จะเติบโตได้ประมาณ 2.5 – 2.7%


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment