มูลค่าส่งออกเดือนมีนาคม 2567 พลิกกลับมาหดตัว 10.9%

มูลค่าส่งออกเดือน มี.ค. อยู่ที่ 24,960.6 ล้านดอลลาร์ฯ ติดลบ 10.9%YoY พลิกกลับมาหดตัวครั้งแรกในรอบ 8 เดือน จากผลของฐานที่สูงในเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า นอกจากนี้สภาพอากาศที่แปรปรวนทำให้สินค้าเกษตรออกสู่ตลาดล่าช้า ส่งผลให้การส่งออกสินค้าหมวดอุตสาหกรรมและสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรหดตัว ขณะที่สินค้าเกษตรขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง สำหรับการส่งออกทองคำกลับมาหดตัว -75.0% ทำให้เมื่อหักทองคำแล้วมูลค่าส่งออกเดือนนี้หดตัว -7.1% ทั้งนี้การส่งออกไตรมาสแรกของปี 2567 หดตัว -0.2%YoY

ด้านการส่งออกรายสินค้าส่วนใหญ่หดตัว

· การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมติดลบ 12.3%YoY กลับมาหดตัวครั้งแรกในรอบ 6 เดือน หลังจากเดือนก่อนขยายตัว 5.2%YoY โดยสินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (-12.4%) สินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน (-10.5%) เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (-11.8%) เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ (-12.7%) และอุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด (-16.1%) เป็นต้น อย่างไรก็ดี สินค้าสำคัญบางรายการที่ขยายตัว ได้แก่ หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ (+4.0%) และไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ (+3.9%) เป็นต้น ทั้งนี้การส่งออกไตรมาสแรกหดตัว -0.3%

· การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรหดตัวต่อเนื่องที่ -5.1%YoY จากเดือนก่อน

-1.1%YoY ตามการหดตัวต่อเนื่องของสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรที่ -9.9%YoY ขณะที่สินค้าเกษตรเติบโต +0.1%YoY สินค้าส่งออกสำคัญที่หดตัว ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง (-16.7%) น้ำตาลทราย (-45.6 %) ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง (-38.7%) และไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ (-50.2%) เป็นต้น ขณะที่สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ข้าว (+30.6%) ยางพารา (+36.9%) อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป (+1.5%) อาหารสัตว์เลี้ยง (+29.6%) ผลไม้กระป๋องและแปรรูป (+20.0%) และนมและผลิตภัณฑ์นม (+19.1%) เป็นต้น ทั้งนี้การส่งออกไตรมาสแรกขยายตัว 0.3%

ด้านการส่งออกรายตลาดสำคัญ

· สหรัฐฯ : ขยายตัว 2.5%YoY เติบโตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ ยางยานพาหนะ และอุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด เป็นต้น สำหรับสินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ ฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบ และเครื่องรับโทรศัพท์และอุปกรณ์ เป็นต้น (ส่งออกไตรมาสแรกขยายตัว 9.9)

· จีน : หดตัวที่ -9.7%YoY ติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยาง เคภัณฑ์และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เป็นต้น ส่วนสินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ยางพารา ไม้แปรรูป และฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ เป็นต้น (ส่งออกไตรมาสแรกหดตัว 5.1)

· ญี่ปุ่น : หดตัวที่ -19.3%YoY ติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ ไก่แปรรูป รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และแผงวงจรไฟฟ้า เป็นต้น ส่วนสินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบ และไก่สด/แช่เย็น/แช่แข็ง เป็นต้น (ส่งออกไตรมาสแรกหดตัว 9.0)

· EU27 : กลับมาหดตัวที่ -0.1%YoY สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ รถยนต์ และอุปกรณ์และหม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ เป็นต้น ส่วนสินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ และอัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น (ส่งออกไตรมาสแรกขยายตัว 2.4)

· ASEAN-5 : หดตัวที่ -26.1%YoY สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ รถยนต์ และอุปกรณ์ น้ำมันสำเร็จรูป และแผงวงจรไฟฟ้า เป็นต้น ส่วนสินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ข้าว แผงสวิทซ์และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เป็นต้น (ส่งออกไตรมาสแรกหดตัว 5.2)

Implication:

· มูลค่าการส่งออกเดือน มี.ค. หดตัว 10.9%YoY จากผลของฐานในปีก่อนเป็นสำคัญ โดยติดลบในรอบ 8 เดือน และเป็นการหดตัวสูงสุดในรอบ 15 เดือน อย่างไรก็ตามการหดตัวที่สูงในเดือน มี.ค. เป็นผลจากฐานสูงในช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนเป็นสำคัญ ส่งผลให้สินค้าสำคัญหลายรายการหดตัว อาทิ ทองคำ ยานพาหนะ เครื่องใช้ไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์ยาง เป็นต้น ประกอบกับปัญหาสภาพภูมิอากาศทำให้การส่งออกผลไม้หดตัว เป็นต้น อย่างไรก็ตาม สินค้าสำคัญบางรายการหดตัวเนื่องจากการส่งออกที่ยังฟื้นตัวได้ช้า ได้แก่ เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ และเครื่องอิเล็กทรอนิกส์โดยเฉพาะฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ ซึ่งคาดว่าสินค้าเหล่านี้ยังคงเป็นปัจจัยกดดันการส่งออกในระยะข้างหน้า

· Krungthai COMPASS ประเมินว่าการส่งออกจะยังฟื้นตัวได้ท่ามกลางความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น เรายังคงประเมินว่าการส่งออกในปีนี้มีแนวโน้มกลับมาขยายตัวได้ที่ 1.8% อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวของการส่งออกมีความเสี่ยงมากขึ้น สะท้อนจากภาคการผลิตของประเทศเศรษฐกิจหลักManufacturing PMI ในเดือน เม.ย. ยังอยู่ในภาวะทรงตัวทั้งสหรัฐฯ และญี่ปุ่น ขณะที่ยุโรปยังคงหดตัวต่อเนื่องจากอุปสงค์ที่ชะลอตัว นอกจากนี้ ปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์มีความเสี่ยงมากขึ้นจากทั้งความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ขยายวงกว้างไปสู่การโจมตีระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน ซึ่งอาจกระทบต่อการส่งออกสินค้าหากการสู้รบกลับมารุนแรงและลากยาว และปัญหาความไม่สงบในเมียนมาที่อาจกระทบต่อการค้าชายแดนโดยเฉพาะด่านแม่สอดซึ่งมีสัดส่วนการส่งออกสูงถึง 61.8% ของมูลค่าการส่งออกไปเมียนมาทั้งหมด


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment