SAFE ยื่นไฟลิ่งขาย IPO เข้าตลาดหุ้น

เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป หรือ SAFE ยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เสนอขายหุ้น IPO ไม่เกิน 76,746,800 หุ้น เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)

นางดาริน กาญจนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออพท์เอเชีย แคปิตอล จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ.เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป (SAFE) เปิดเผยว่า บริษัทได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ของ SAFE ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 76,746,800 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 25.25 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญครั้งนี้ ประกอบด้วย หุ้นสามัญที่เสนอขายโดยผู้ถือหุ้นเดิม จำนวนไม่เกิน 52,799,000 หุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 23,947,800 หุ้น ทั้งนี้ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ จะส่งผลให้บริษัทฯ มีทุนชำระแล้ว 303,947,800 บาท คิดเป็นจำนวน 303,947,800 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท จากทุนจดทะเบียนที่เรียกชำระแล้ว 280,000,000 บาท โดยมีแผนนำเงินที่ได้จากการระดมทุนเพื่อใช้เป็นเงินลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องและสร้างโอกาสในการขยายธุรกิจในอนาคต รวมถึงเพื่อใช้เป็นเงินลงทุนในโครงการขยายสาขา และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ

นพ.วิวัฒน์ กว้างคณานุรักษ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์​ ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SAFE เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัท เป็นผู้ให้บริการศูนย์การแพทย์เพื่อการมีบุตรภายใต้ชื่อ “ศูนย์การแพทย์เพื่อการมีบุตร เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ เซ็นเตอร์” ดำเนินธุรกิจรักษาผู้มีบุตรยากแบบครบวงจรมากว่า 15 ปี ครอบคลุมตั้งแต่การให้คำแนะนำ คำปรึกษา ตลอดจนให้การรักษาแก่ผู้ที่มีบุตรยากด้วยเทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่ทันสมัยเพื่อเติมเต็มความฝันในการมีบุตรแก่ทุกครอบครัว โดยมีทีมแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านเพาะเลี้ยงตัวอ่อน ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญการรักษาผู้มีบุตรยาก และผู้ดูแลส่วนบุคคล (Personal Assistant) ที่มีประสบการณ์สูงสามารถสื่อสารได้หลากหลายภาษา คอยดูแลช่วยเหลือและให้คำแนะนำตลอดกระบวนการอย่างอบอุ่นและใกล้ชิด

ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทฯ ยังเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์และห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ในประเทศไทย ซึ่งคาดว่าตลาดท่องเที่ยวสำหรับผู้มีบุตรยากของไทยจะมีมูลค่ากว่า 6 หมื่นล้านบาทในปี 2570 หรือเติบโตเฉลี่ยกว่าร้อยละ 14.6 ต่อปี บริษัทฯ ให้บริการแก่คนไข้ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ โดยในช่วงระหว่างปี 2561 จนถึงไตรมาสที่ 1 ปี 2566 มีสถิติในการให้บริการเก็บไข่กว่า 6,897 รอบ (OPU Cycle) หรือเฉลี่ยมากกว่าหนึ่งพันรอบต่อปี ด้วยความพร้อมในด้านเครื่องมือ อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีการนำเข้าเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีประสิทธิผลมาใช้ในการรักษาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการมีห้องปฏิบัติการด้านพันธุศาสตร์ที่สามารถให้บริการได้ครบวงจร จึงทำให้ในปี 2563 ถึงไตรมาสที่ 1 ปี 2566 บริษัทฯ สามารถให้บริการโดยมีอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์ (Clinical Pregnancy Success Rate) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกช่วงอายุ โดยมีอัตราความสำเร็จเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 47.5 เป็นร้อยละ 71.6 สำหรับกรณีไม่ได้ตรวจพันธุกรรมตัวอ่อนและร้อยละ 63.5 เป็นร้อยละ 77.2 สำหรับกรณีเพิ่มบริการตรวจพันธุกรรมตัวอ่อน ซึ่งเป็นอัตราความสำเร็จที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยจากรายงานสรุปข้อมูลให้บริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ที่อยู่ระหว่างร้อยละ 15.3 – 41.7 ซึ่งจัดทำโดยระบบดูแลรักษาสุขภาพแห่งชาติ (สหราชอาณาจักร) กรมสนับสนุนบริการ

กลุ่มบริษัท ได้ให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยวิธี ICSI หรือการทำให้เกิดการปฏิสนธิแบบเจาะจง ซึ่งถือว่าเป็นที่นิยมแพร่หลายเป็นอย่างมากในปัจจุบัน และบริการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยวิธี IUI หรือการฉีดน้ำเชื้ออสุจิเข้าโพรงมดลูก รวมถึงการเลี้ยงตัวอ่อนด้วยเทคโนโลยีตู้เลี้ยงตัวอ่อนแบบพิเศษ การแช่แข็งและการฝากไข่ อสุจิ และตัวอ่อน เพื่อโอกาสมีบุตรในอนาคต ด้วยทีมงานนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านเพาะเลี้ยงและวินิจฉัยพันธุกรรมตัวอ่อนที่มีประสบการณ์กว่า 10 ปี โดยกลุ่มบริษัทฯ มีการนำเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมาให้บริการลูกค้าอย่างต่อเนื่อง อาทิ การนำตู้เลี้ยงตัวอ่อนรุ่นใหม่มาใช้เป็นที่แรกในเอเชีย การนำเทคโนโลยีคัดกรองโครโมโซมตัวอ่อนด้วยเทคนิค IIumina (PGT-A) มาใช้แห่งแรกในประเทศไทย เทคโนโลยีการตรวจคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซมทารกในครรภ์ (NIPT) และเทคโนโลยีฟื้นฟูรังไข่ Reju เป็นต้น จนได้รับความไว้วางใจจากคลินิกและโรงพยาบาลรักษาผู้มีบุตรยากในประเทศและต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ เวียดนาม เป็นต้น ให้ทำการตรวจ PGT และ NIPT ในห้องปฏิบัติการ

นอกจากนี้ ด้วยมาตรฐานการรักษาระดับสูง กลุ่มบริษัท จึงได้รับการรับรองมาตรฐานคลินิกเด็กหลอดแก้วแห่งแรกของประเทศไทย และแห่งที่สองในเอเชียจาก Reproductive Technology Accreditation Committee (“RTAC”) ประเทศออสเตรเลียในปี 2557 และได้รับการรับรองมาตรฐานการบริหารจัดการที่มีคุณภาพ ISO : 9001 ในปี 2554 รวมถึงมาตรฐานคุณภาพห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ ISO 15189 ในปี 2559 และได้ผ่านการประเมินคุณภาพทางห้องปฏิบัติการเลี้ยงตัวอ่อนและห้องปฏิบัติการทางด้านพันธุศาสตร์โดยองค์กรภายนอกจากสถาบันที่ได้รับการยอมรับ UK NEQAS จากประเทศอังกฤษและยังรวมถึงการจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ (workshop) ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีเพื่อการเจริญพันธุ์ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ การจัดอบรมสัมมนาให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญการรักษาภาวะมีบุตรยากทั้งในและต่างประเทศ การเผยแพร่บทความทางวิชาการ ทำให้บริษัทฯ แพทย์และนักวิทยาศาสตร์ของบริษัทฯ เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับในอุตสาหกรรมรักษาภาวะผู้มีบุตรยากทั้งในและต่างประเทศ

ปัจจุบัน บริษัท มีศูนย์การแพทย์เพื่อให้บริการผู้มีบุตรยากรวม 5 สาขา ได้แก่ สาขาอัมรินทร์ พลาซ่า สาขาขอนแก่น สาขารามอินทรา ภูเก็ต และศรีราชา โดยมีบริษัทย่อย รวม 2 บริษัท ได้แก่ (1) บริษัท เน็ก เจนเนอร์เรชั่น จีโนมิค จำกัด (NGG) ดำเนินธุรกิจด้านการตรวจวินิจฉัยพันธุกรรมตัวอ่อนและทารกในครรภ์ และการให้บริการด้านห้องปฏิบัติการทางพันธุศาสตร์ต่างๆ เช่น การตรวจคัดกรองโครโมโซมเพื่อคัดกรองดาวน์ซินโดรม การตรวจหาความผิดปกติของโครโมโซมในทารกจากเลือดแม่รวมถึงการเจาะเลือดตรวจหาระดับฮอร์โมน ฯลฯ และ (2) บริษัท เซฟ เวลเนส จำกัด (SWC) ดำเนินธุรกิจให้บริการด้านผิวหนังและความงามภายใต้ชื่อ The Fountain Wellness Center

กลุ่มบริษัทมีการเติบโตของรายได้จากการให้บริการในปี 2563 – 2565 และงวดไตรมาสที่ 1 ปี 2566 เท่ากับ 525.48 ล้านบาท 559.73 ล้านบาท 726.61 ล้านบาท และ 187.83 ล้านบาทตามลำดับ จากรายได้ของบริษัทฯ 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1) รายได้จากการให้บริการรักษาผู้มีบุตรยาก 2) รายได้จากการให้บริการตรวจพันธุกรรมของตัวอ่อนและทารกในครรภ์ และมีอัตรากำไรสุทธิที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2563 – 2565 และงวดไตรมาสที่ 1 ปี 2566 เท่ากับ 42.16 ล้านบาท 78.23 ล้านบาท 161.73 ล้านบาท และ 35.87 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 8.02 ร้อยละ 13.98 ร้อยละ 22.26 และร้อยละ 19.09 ของรายได้จากการให้บริการ


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment