บัญชีกลางยืนหยัด ดูแลงบคุ้มโปร่งใส

อธิบดีกรมบัญชีกลางคนใหม่พร้อมดูแลการใช้จ่ายเงินของแผ่นดินเป็นไปอย่างถูกต้อง มีวินัย คุ้มค่า โปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ ใช้ไอทียกระดับการตรวจสอบและให้บริการ

นายภูมิศักดิ์ อรัญญาเกษมสุข อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า กรมบัญชีกลางยังคงยึดมั่นในการทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ โปร่งใส เพื่อกำกับดูแลและบริหารการใช้จ่ายเงินของแผ่นดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมขับเคลื่อนการปฏิบัติงานของส่วนราชการให้บรรลุวัตถุประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนต่อไป

ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 กรมบัญชีกลางมีแนวทางในการพัฒนาการดำเนินงานให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และสอดรับกับนโยบายของรัฐบาล อาทิ ยังคงเดินหน้าดำเนินงานตามนโยบายภายใต้โครงการ National e-Payment ภาครัฐ โดยจะขยายการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและเบี้ยความพิการโดยการโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากของผู้มีสิทธิโดยตรง จากเดิมที่เคยจ่ายให้กับผู้มีสิทธิในเขตกรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา และ จ. สิงห์บุรี และจะจ่ายให้กับผู้มีสิทธิใน จ.สมุทรสงคราม และ จ.อุทัยธานี ในเดือน พ.ย. 62 จากนั้นจะเริ่มทยอยจ่ายต่อไปจนครบ 76 จังหวัด ภายในเดือน ม.ค. 63

อีกทั้ง ยังคงดำเนินโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งล่าสุด (วันที่ 1 ต.ค. 62) มีมติคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยผ่านมาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา (ค่าประปาไม่เกิน 100 บาท/ครัวเรือน/เดือน และค่าไฟฟ้าไม่เกิน 230 บาท/ครัวเรือน/เดือน) เริ่มต่ออายุตั้งแต่ ต.ค. 62 – ก.ย. 63 และมาตรการชดเชยเงินให้แก่ผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยใช้ข้อมูลภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้มีรายได้น้อยได้ชำระ โดยจะจ่ายเงินชดเชยภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าว 5% เข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) ให้แก่ผู้มีสิทธิผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไม่เกิน 500 บาท/คน/เดือน เริ่มต่ออายุตั้งแต่ พ.ย. 62 – ก.ย. 63

นอกจากนี้ กรมบัญชีกลางมีเป้าหมายที่จะพัฒนาการดำเนินงานด้านต่าง ๆ โดยนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาช่วยในการปฏิบัติงานให้เกิดความสะดวกมากยิ่งขึ้น อาทิ การเปลี่ยนมาใช้ระบบ New GFMIS Thai เพื่อให้การบริหารการเงินการคลังภาครัฐมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยสามารถสรุปข้อมูลเป็นรายวันได้ (จากเดิมสรุปเป็นรายสัปดาห์) มีช่องทางการเชื่อมโยงกับระบบอื่น ๆ (Interface) ได้มากกว่าเดิม และสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาระบบงานได้มากขึ้นด้วย โดยจะเริ่มขึ้นระบบ New GFMIS Thai กับ 5 หน่วยงานนำร่อง ในเดือน พ.ค. 63

อีกทั้ง ยังได้พัฒนาระบบการรับชำระเงินกลางของบริการภาครัฐ หรือ e-Payment Portal of Government ซึ่งเป็นระบบงานเบ็ดเสร็จสำหรับการรับและนำเงินส่งคลังของหน่วยงานของรัฐ ครอบคลุมการทำธุรกรรมระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน และภาครัฐกับภาคประชาชน เช่น การจ่ายค่าปรับ ค่าเช่า ค่าใบรับรอง ค่าธรรมเนียม ค่าใบอนุญาต โดยไม่จำเป็นต้องมาติดต่อที่ส่วนราชการด้วยตนเองอีกต่อไป เพียงเข้ามาทำธุรกรรมผ่านทางเว็บไซต์ก็สามารถออกใบแจ้งการชำระเงิน (Bill Payment) และนำไปชำระเงินผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น เคาน์เตอร์ธนาคาร เคาน์เตอร์เซอร์วิส ATM Internet Banking หรือชำระเงินออนไลน์ผ่านระบบการรับชำระเงินกลางของบริการภาครัฐป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนมากขึ้น และในเดือน ธ.ค. 62 จะมีการลงนามข้อตกลง MOU ร่วมกับบริษัทเคาน์เตอร์เซอร์วิส เพื่อขยายช่องทางการชำระเงินให้สะดวกมากขึ้น โดยคาดการณ์ว่าในปี 63 กรมบัญชีกลางจะสั่งการให้ส่วนราชการดำเนินการรับเงินและนำเงินส่งคลังผ่านระบบการรับชำระเงินกลางได้ทั้งหมด รวมไปถึงการดำเนินงานตามนโยบายของกระทรวงการคลัง ในการนำเทคโนโลยีบล็อกเชน (Block chain) มาช่วยในระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (e-GP) โดยนำมาช่วยในเรื่องความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบที่มาของการทำธุรกรรมได้ เนื่องจากสามารถนำมาใช้ตรวจสอบหนังสือค้ำประกันที่ผู้ค้าภาครัฐยื่นต่อหน่วยงานภาครัฐผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ทันที


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment