ชู IT ใช้ AI คุมระบบภาษี “เอกนิติ” เข็นสรรพากรสู่ดิจิทัล ขยายฐาน-บริการดี-ไม่ซับซ้อน-ผิดโทษหนัก

เปิดตัวอย่างเป็นทางการ หลังจากได้รับแต่งตั้งเป็นอธิบดีกรมสรรพากร “นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ” ในงานมอบนโยบายด้านการบริหารจัดเก็บภาษีของสรรพากร

อธิบดีกรมสรรพากร เผยต่อจากนี้กรมสรรพากรจะก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล ภายใต้นโยบายไทยแลนด์ 4.0 อย่างจริงจัง โดยกรมสรรพากรพร้อมจะทุ่มงบประมาณ นำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในกระบวนการทำงานทุกกระบวนการ (Digital Transformation) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารการจัดเก็บภาษีอากร ควบคู่ไปกับสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้เสียภาษี ได้แก่ การยื่นแบบแสดงรายการในระบบ Digital เช่น การนำระบบ e-filing มาใช้งาน เป็นการยื่นแบบแสดงรายการในระบบอิเล็กทรอนิกส์ และนำระบบ e-Tax Invoice และ e-Receipt ซึ่งจะสะดวกรวดเร็วในการดำเนินการออกใบกำกับภาษีหรือใบรับอิเล็กทรอนิกส์ และช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยเฉพาะความยากง่ายในการทำธุรกิจ (Ease of Doing Business) ตั้งเป้าหมายจะพัฒนาระบบเทคโนโลยีให้ชัดเจนภายใน 1 ปี

นอกจากนี้ กรมสรรพากรจะจัดทำข้อมูลสารสนเทศ (Big Data) และเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานราชการต่างๆ เช่น การจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า รวมไปถึงข้อมูลจากพันธมิตรอื่นๆ เช่น สมาคมธนาคารไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ฯลฯ แล้วนำเอาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้เสียภาษี ประเมินรายได้ รายจ่ายกิจการให้ชัดเจนมากขึ้น รวมถึงการบริหารความเสี่ยง และการตรวจสอบภาษี เช่น การนำระบบคัดเลือกผู้เสียภาษีมาใช้ เพื่อช่วยลดระยะเวลาในการตรวจสอบ

สิ่งเหล่านี้จะทำไปพร้อมกับการปฏิรูปคนของสรรพากรให้มีความรู้ความชำนาญในเรื่องไอทีด้วย

เพื่อมุ่งสู่การเป็นกรมสรรพากรดิจิทัล หรือ Digital RD ได้ภายในปี 2563

นายเอกนิติ บอกว่า แนวทางดังกล่าวจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขยายฐานภาษี สามารถดึงผู้มีรายได้เข้าสู่ระบบฐานภาษีเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันมีผู้ยื่นแบบเสียภาษีเพียง 10 ล้านคนเท่านั้น จากคนวัยทำงาน 30 ล้านคน

รวมถึงการสร้างพันธมิตรกับสำนักงานบัญชี เพื่อส่งเสริมให้เอกชน วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่มีกำไรหันมาเสียภาษีแทนการหลีกเลี่ยงภาษี สนับสนุนให้ทำบัญชีชุดเดียว หากพบว่าผู้ใดเจตนาหรือสำนักงานบัญชีใดช่วยผู้ประกอบการเลี่ยงภาษี กรมสรรพากรก็จะดำเนินการเอาผิดอย่างเด็ดขาด

“กรมสรรพากรจะให้บริการที่ดี คืนภาษีเร็ว ลดขั้นตอน ไม่ซับซ้อน ให้แก่ผู้เสียภาษีที่ดี ถูกต้อง ส่วนผู้ที่ไม่ดี มีเจตนาไม่ดี ต้องเข้มงวดกับการบทลงโทษ”

สำหรับการปฏิรูปภาษีจะมุ่งเน้นการพัฒนากฎหมายและกระบวนการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากรให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยจะต้องทำให้การเสียภาษีมีความชัดเจน แน่นอนและสะดวก รวมทั้งก่อให้เกิดต้นทุนแก่ผู้เสียภาษีและกรมสรรพากรน้อยที่สุด ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยด้วย

ส่วนเรื่องที่กรมสรรพากรกำลังดำเนินการในเวลานี้ คือ ภาษี E-Business ที่จัดเก็บจากการค้าขายผ่าน E-Commerce ระหว่างผู้ประกอบการในประเทศและต่างประเทศที่ยังมีความเหลื่อมล้ำ ก็จะทำให้เกิดความเป็นธรรม

ขณะที่เรื่อง “ภาษีมูลค่าเพิ่ม” กำลังทำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีให้คงอัตราไว้ที่ 7% เหมือนเดิม เพราะในช่วงนี้ภาวะเศรษฐกิจเพิ่งฟื้นตัว ไม่ได้ขยายตัวจนต้องเพิ่มภาษี

ถึงแม้ว่าจะไม่มีการปรับภาษีใดๆ เพิ่ม ก็ยังมั่นใจว่าการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากรในปีงบประมาณ 2561 จะเก็บได้ตามเป้าหมาย 1.86 ล้านล้านบาท และในปีงบประมาณ 2562 อาจจะปรับเป้าหมายเพิ่มเป็น 2 ล้านล้านบาท ซี่งเป็นเป้าหมายที่สูง แต่คาดว่าการปรับระบบและนำเทคโนโลยีมาใช้ จะทำให้การจัดเก็บมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment