{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
พีดีเฮ้าส์เผย Q1/65 สามารถสร้างยยอดขายทะลุ 300 ล้านบาท เติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจ ชี้บ้านกลุ่มราคา 5-10 ล้านบาท ตลาดขยายตัวต่อเนื่อง เดินหน้ารุกตลาดบลูโอเชี่ยนในพื้นที่ต่างจังหวัด ลุยเปิดสาขาเมืองรองชูจุดแข็ง บ้านประหยัดพลังงาน บ้านสุขภาพ และบ้านผู้สูงอายุ มั่นใจสิ้นปีโกยยอดขายทุกสาขาทะลุพันล้าน
นายพิศาล ธรรมวิเศษ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป จำกัด หรือศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกของพีดีเฮ้าส์กลับเติบโตสวนทางเศรษฐกิจ โดยมียอดขายกว่า 300 ล้านบาท โดยเป็นการเติบโตจากยอดจองสร้างบ้านในกลุ่มราคา 5-10 ล้านบาท ในสัดส่วน 50% ขณะที่ยอดจองสร้างบ้านใน กลุ่มราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป มีสัดส่วน 40 % ส่วนกลุ่มบ้านระดับราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท มีสัดส่วนอยู่ที่ 10% ซึ่งกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นนักธุรกิจในพื้นที่ แพทย์ รวมไปถึงชาวต่างชาติและคนไทยในต่างประเทศ ที่ต้องการกลับมาใช้ชีวิตในเมืองไทย เป็นกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับการค้นหาข้อมูล เปรียบเทียบโดยละเอียด และต้องการหาบริษัทมืออาชีพที่น่าเชื่อถือเพราะลูกค้ากลุ่มนี้ไม่ได้อาศัยอยู่ในประเทศไทยและมีกำลังซื้อสูง
โดยเหตุลที่บริษัทสามารถทำผลงานได้ดีในไตรมาสแรกนี้ คาดว่าเป็นผลมาจากจุดแข็ง 3 ประการของพีดีเฮ้าส์ที่ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายให้การยอมรับในเรื่องการสร้างบ้านประหยัดพลังงาน บ้านสุขภาพ และบ้านผู้สูงอายุ ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ที่หันมาใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมและสุขภาพมากขึ้น นอกจากนี้พีดีเฮ้าส์ยังให้ความสำคัญในการทำการตลาดออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบโดยเน้นการสื่อสารที่แนะนำผู้บริโภคให้ศึกษาหรือเปรียบเทียบข้อมูลการสร้างบ้านก่อนตัดสินใจ อาทิ บริการก่อนและหลังการขาย คุณภาพวัสดุที่ใช้ก่อสร้าง ขนาดพื้นที่ใช้สอยที่แท้จริง ผลงานและประสบการณ์จากผู้ที่เคยใช้บริการ ฯลฯ เพื่อให้ผู้บริโภคได้ตัดสินใจจากข้อมูลที่เป็นจริง มากกว่าการเน้นการแข่งขันราคา หรือใช้การลดราคามาเป็นตัวกระตุ้นความสนใจเป็นสำคัญ
นอกจากนี้อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้พีดีเฮ้าส์มียอดขายเกินความคาดหมายคือ การเปิดสาขาใหม่ในต่างจังหวัด ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมาเราสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง จากการที่มีสาขาตั้งอยู่ในพื้นที่นั้น ๆ และพบว่ายังมีความต้องการสร้างบ้านในพื้นที่ต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นโอกาสดีที่บริษัทฯ จะขยายการให้บริการเพื่อครอบคลุมพื้นที่ได้มากขึ้นแบบไร้คู่แข่งเมื่อเทียบกับจุดแข็งเดียวกัน โดยล่าสุดได้เปิดสาขาใหม่จังหวัดอุดรธานี”
สำหรับปี 2565 ธุรกิจรับสร้างบ้านแม้จะต้องเผชิญปัจจัยลบรอบด้าน จากแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย วิกฤติสงครามรัสเซียกับยูเครน และปัญหาราคาวัสดุ และยังเป็นที่กังวลว่าในไตรมาส 2 หากสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้นและวิกฤติรัสเซีย-ยูเครนยืดเยื้อทำต้นทุนราคาวัสดุปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง แนวโน้มอาจมีการปรับราคาบ้าน และคาดว่าตลาดรับสร้างบ้านจะชะลอตัวลง ซึ่งผู้ประกอบการคงต้องเร่งปรับตัวหรือหาช่องทางใหม่ ๆ ในการสร้างการรับรู้ให้กับผู้บริโภค เพื่อปลุกกำลังซื้อในช่วงครึ่งปีแรกนี้ อย่างไรก็ตามพีดีเฮ้าส์ยังมั่นใจว่าด้วยจุดแข็งเรื่องบ้านประหยัดพลังงาน บ้านสุขภาพและบ้านผู้สูงอายุ รวมถึงแผนการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบจะสามารถแชร์ส่วนแบ่งตลาดรับสร้างบ้านได้เพิ่มมากขึ้น และมีโอกาสสูงที่จะมียอดขายรวมกันทุกสาขาทะลุ 1 พันล้านบาท
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS