PORT ปิดไตรมาส 3 กำไรโต 46.75%

สหไทย เทอร์มินอล (PORT) เผยผลประกอบการ ไตรมาส 3 ปี 2564 มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท 12.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 46.75%

คุณเสาวคุณ ครุจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) หรือ PORT เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2564 บริษัทฯมีรายได้รวม 518.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51.83% จากรายได้รวม 341.25 ล้านบาท เทียบกับปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการให้บริการในการเป็นตัวแทนผู้นำเข้าและส่งออก(Freight forwarder) และบริการพื้นที่จัดเก็บตู้คอนเทนเนอร์และคลังสินค้า โดยมีกำไรขั้นต้น 71.24 ล้านบาท ลดลง 23.18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 11.90 ล้านบาท ลดลง 50.89% จากกำไรสุทธิ 24.23 ล้านบาท ในไตรมาส 3 ปี 2563 มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท 12.21 ล้านบาท ลดลง 47.89% ถึงแม้บริษัทฯจะมีรายได้จากการให้บริการเป็นตัวแทนผู้นำเข้าและส่งออก(Freight forwarder)เพิ่มขึ้น เพื่อมาชดเชยรายได้จากกิจกรรมบริการท่าเทียบเรือเชิงพาณิชย์ แต่เนื่องจากกิจกรรมการให้บริการเป็นตัวแทนผู้นำเข้าและส่งออก(Freight forwarder)นั้น มีกำไรขั้นต้นที่ไม่มากนักเมื่อเทียบกับอัตรากำไรขั้นต้นของรายได้จากบริการท่าเทียบเรือเชิงพาณิชย์ ทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในภาพรวมยังคงได้รับผลกระทบจากปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน แต่อย่างไรก็ตามจากอัตราค่าระวางเรือที่ทรงตัว ทำให้ผู้นำเข้าและผู้ส่งออกบางส่วนเริ่มปรับตัวรับกับอัตราค่าระวางเรือดังกล่าวได้ ทำให้เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนผลการดำเนินการของบริษัทฯมีแนวโน้มดีขึ้น โดยมีกำไรเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 46.75%”

คุณบัญชัย ครุจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) หรือ PORT กล่าวเสริมว่า สำหรับ 9 เดือนที่ผ่านมาของปีนี้ บริษัทฯมีรายได้เติมโต 16.94 % โดยมีเติบโตในทุกธุรกิจไม่ว่าจะเป็นการบริการขนส่งทางบก การบริการพื้นที่จัดเก็บตู้คอนเทนเนอร์และคลังสินค้า ร่วมถึงบริการต่อเนื่องอื่น เว้นแต่รายได้จากกิจกรรมท่าเรือที่ยังคงได้รับผลกระทบจากปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน ซึ่งเป็นปัจจัยภายนอกที่กดดันอยู่ และคาดว่ายังส่งผลกระทบต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 4 ของปีนี้ ทางบริษัทฯยังคงติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นและมุ่งที่จะเพิ่มปริมาณตู้สินค้าที่ผ่านท่าเรือให้ได้โดยเร็ว โดยบริษัทฯเชื่อมั่นว่าสถานการณ์ดังกล่าวได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ด้วยปัจจุบันรัฐบาลในหลายประเทศได้มีนโยบายและมาตรการต่างๆเพื่อรณรงค์ให้ประชากรของตนเองเข้ารับวัคซีน พร้อมผลักดันให้ประชากรสามารถอยู่ร่วมกับโควิด-19ได้ ทำให้ความวิตกกังวลต่อสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ส่งผลให้สถานการณ์ตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลนเริ่มดีขึ้น อัตราค่าระวางเรือที่เริ่มทรงตัวตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา

สำหรับโครงการก่อสร้างท่าเรือแห่งใหม่ที่ PORT ร่วมลงทุนกับกลุ่มน้ำตาลมิตรผล และ บริษัท APM Terminals จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ A.P.Moller-Maersk สายเรืออันดับหนึ่งของโลก ผ่านบริษัท บางกอก ริเวอร์ เทอมินอล จำกัด (Bangkok River Terminal : BRT) โครงการดังกล่าวจะให้บริการท่าเรือขนส่งตู้สินค้าระหว่างประเทศ (feeder) ตั้งอยู่บนพื้นที่ว่า 45 ไร่ เพื่อรองรับการขยายตัวในอนาคต ซึ่งปัจจุบันได้รับการอนุมัติ EIA แล้ว โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จและพร้อมให้บริการในปลายปี 2565 ส่วนโครงการศูนย์กระจายสินค้าบนพื้นที่กว่า 40 ไร่ ซึ่ง PORT ร่วมทุนกับกลุ่มเฟรเซอร์สฯ ผู้นำการให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมไทย คาดว่าจะเปิดดำเนินการในต้นปี 2565 โดยจะเปิดในเขตพื้นที่ขอบเมืองกรุงเทพมหานคร ผ่านบริษัท บริษัท บางกอก โลจิสติกส์ พาร์ค จำกัด (Bangkok Logistics Park : BLP) หากโครงการทั้ง 2 ได้เริ่มเปิดดำเนินการ บริษัทฯเชื่อมั่นว่าจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งและสร้างความยั่งยืนให้แก่ธุรกิจอีกด้วย


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment